อุดรธานี 2 มี.ค. – อันซีนโขดหินแห่งอารยธรรม ที่มีรูปทรงแปลกตา เป็นประติมากรรมทางธรรมชาติสะท้อนถึงวิถีชีวิตมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ บนพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ ที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
เส้นทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่สนใจประวัติศาสตร์ในพื้นที่ จ.อุดรธานี หนึ่งในนั้นคือ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ที่มีประติมากรรมหินรูปร่างแปลกตา เกิดจากการที่ชั้นหินทรายถูกกัดเซาะ จึงทำให้เกิดเพิงหินเว้าคล้ายดอกเห็ด หรือโต๊ะ เป็นสิ่งที่สวยงามราวกับว่าก้อนเหล่านี้ถูกยกขึ้นมาวางโดยมนุษย์ และโขดหินบางจุดยังพบภาพเขียนสี ที่สะท้อนเรื่องราวการดำรงชีวิตในสมัยโบราณอีกด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสเส้นทางการเดินชมโขดหิน คล้ายกับการเดินทางภายในป่าแห่งประวัติศาสตร์
จากลักษณะโขดหินที่แปลกตา จึงได้มีการผูกเรื่องราวตำนานความเชื่อนิทานพื้นบ้าน เรื่องอุสา บารส นำสถานที่ในนิทานมาตั้งให้เข้ากับโขดหินต่าง ๆ เช่น หอนางอุสา ซึ่งในเวลาต่อมาได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อยู่ในเขต อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ซึ่งเป็นเทือกเขาหินทราย อยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยปานกลางประมาณ 320-350 เมตร สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง มีพืชพันธุ์ธรรมชาติประเภทไม้เนื้อแข็งขึ้นปกคลุม จากการสำรวจทางโบราณคดีที่ผ่านมาได้พบว่าบนภูพระบาทแห่งนี้ปรากฏร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์กำหนดอายุได้ราว 2,500-3,000 ปีมาแล้ว ค้นพบภาพเขียนสีอยู่มากกว่า 54 แห่งบนภูเขาลูกนี้ นอกจากนี้ก็ยังพบการดัดแปลงเพิงหินธรรมชาติให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คนในวัฒนธรรมทวารวดี วัฒนธรรมเขมร วัฒนธรรมล้านช้างและรัตนโกสินทร์ตามลำดับ ซึ่งร่องรอยหลักฐานทางโบราณคดีเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางสังคมของมนุษย์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี. -สำนักข่าวไทย