อ่างทอง 23 พ.ย. – ทุกข์ชาวบ้าน อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เจอกับปัญหาฝุ่นทรายบนท้องถนนมานานหลายปี หวั่นมะเร็งปอดถามหา
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาใน อ.ป่าโมก ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ พบว่าถนนเต็มไปด้วยฝุ่นทรายที่ตกหล่นจากรถบรรทุกที่ผ่านไปมา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีลมหนาวพัดต่อเนื่อง ทำให้ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายจนสร้างมลพิษในอากาศ
จากการสังเกตพบว่า รถบรรทุกส่วนใหญ่ไม่มีการคลุมผ้าป้องกัน ทำให้ชาวบ้านที่สัญจรไปมาโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ได้รับผลกระทบจากฝุ่นทรายที่ฟุ้งกระจายเข้าจมูกและตา ชาวบ้านบอกว่าเป็นแบบนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่ว่าจะร้องเรียนกี่ครั้งก็ไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม พอเป็นข่าวออกมาที ก็นำน้ำมาฉีดหรือกวาดทรายออกจากถนน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาเป็นเช่นเดิมอีก ตอนนี้ชาวบ้านหวั่นจะเป็นโรคทางเดินหายใจมาก โดยเฉพาะมะเร็งปอดที่เกิดจากฝุ่นทรายขนาดเล็ก แต่ก็ไม่กล้าที่จะร้องเรียนอะไรมากนัก เพราะเกรงจะเกิดอันตราย เนื่องจากอิทธิพลของกลุ่มผู้ประกอบการ ซึ่งมีอยู่หลายสิบรายในพื้นที่
ข้อมูลจากแอปพิเคชัน Airvisual รายงานปริมาณค่าฝุ่นในพื้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง อยู่ที่ 108 AQI ส่วน PM2.5 อยู่ที่ 38.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลกระทบต่อกลุ่มที่อ่อนไหวทั้งผู้ป่วย เด็ก และผู้สูงอายุ
องค์กรอนามัยโลก (WHO) ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศว่าหากเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยฝุ่นละออง PM2.5 สามารถเข้าไปลึกถึงทางเดินหายใจและปอด ก่อให้เกิดการระคายเคือง แสบจมูก ไอ จาม มีเสมหะ หอบหืด หัวใจวายเฉียบพลัน หลอดเลือดสมองตีบ และที่อันตรายที่สุดอาจถึงขั้นเป็นมะเร็งปอด. – สำนักข่าวไทย