7 ธ.ค.- “พิธา” ขอรัฐบาลเร่งเจรจาช่วยเหลือ 4 คนไทยถูกเรือรบเมียนมาจับ ย้ำควรเอาชีวิตประชาชนเป็นที่ตั้ง หากพื้นที่ดังกล่าวไม่ทับซ้อนควรแสดงท่าทีที่ชัดเจน แต่ถ้าทับซ้อนก็ต้องมาชั่งน้ำหนักว่าโทษเกินกว่าเหตุหรือไม่
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการที่รัฐบาลประสานขอตัวคนไทย 4 คน ที่ถูกจับกรณีเรือรบของประเทศเมียนมายิงเรือประมงไทย เข้าใจว่าในวันที่ 5 ธันวาคม จะมีการปล่อยตัวทั้ง 4 คน แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการปล่อยตัว โดยทางการเมียนมาอ้างว่ายังไม่ความชัดเจนทางข้อกฎหมาย และพื้นที่ทับซ้อน ตนจึงอยากฝากรัฐบาลให้ติดตามต่อว่าจะเจรจาอย่างไรให้เอาคนไทยกลับบ้านได้เร็วที่สุด
นายพิธา กล่าวต่อว่า ตอนนี้เรายังไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะรัฐบาลยังไม่ได้บอกว่าพื้นที่ระหว่าง 2 เกาะทับซ้อนหรือไม่ หากไม่ทับซ้อน เราก็ต้องเร่งให้มีการปล่อยตัว เพราะไม่ได้ทำผิดอะไร แต่หากทับซ้อนก็จะต้องไปดูว่าการตอบโต้นั้นเกินกว่าเหตุหรือไม่ และมีการเตือนแล้วหรือยัง ก็ต้องนำมาชั่งน้ำหนักดูว่าความผิดที่เกิดขึ้นต่อโทษที่ได้ จนทำให้มีทั้งผู้เสียชีวิต และถูกจับกุมตัวนั้น ได้สัดส่วนกันหรือไม่
อีกทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ก็จะต้องมีโปรโตคอล หรือหลักเกณฑ์ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องมีการปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างไรบ้าง และอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ซึ่งเหตุการณ์นี้มันล่วงเลยเวลาที่จะปล่อยตัวมาแล้ว 2 วัน เราก็ต้องนึกถึงครอบครัวของคนที่ถูกจับตัวก็คงกระวนกระวายใจไม่น้อย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ควรต้องมีเจ้าภาพในการเจรจาหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ก็ต้องถามว่าตามหลักการโปรโตคอลมันคืออะไร แต่กรณีที่มีผู้เสียชีวิตก็ต้องมีเรื่องความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นตัวหลักในการเจรจา และกระทรวงการต่างประเทศก็ต้องพยายามใช้ระบบการทูตในการพูดคุย ซึ่งตอนนี้ก็ต้องรอดูท่าทีของทูตเมียนมาประจำประเทศไทย จึงขอฝากรัฐบาลให้เร่งทำงานติดตามในเรื่องนี้
ส่วนท่าทีของรัฐบาลจะเบาไปหรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า เรายังไม่รู้คำตอบว่าพื้นที่ทับซ่อนหรือไม่ หากไม่ทับก็มองว่าท่าทีของรัฐบาลเบาไป ซึ่งตามจริงแล้ว หากดู GPS บนเรือก็น่าจะบอกได้แล้วว่าอยู่ในระยะ 12 ไมล์ทะเลหรือไม่ หากไม่ได้อยู่แล้วยิงเข้ามา ก็ถือว่าเราเป็นผู้เสียหาย ก็ควรมีท่าทีที่ชัดเจน แต่ตอนนี้ยังตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หลายคนมองว่าท่าทีของรัฐบาลไทยดูเกรงใจประเทศเมียนมามากเกินไปนั้น นายพิธา ระบุว่า ส่วนตัวมองว่าควรเอาประชาชน 4 คนเป็นที่ตั้ง และจะทำอย่างไรให้พวกเขาได้กลับบ้านโดยเร็วที่สุด โดยยึดกฎหมายระหว่างประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ขณะเดียวกันหากเราผิดจริง ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ หากอนาคตมีประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศอื่นมาละลาน เราก็ยอมไม่ได้เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศในการเดินเรืออยู่ดี ซึ่งจะต้องทำให้กฎหมายสากลนั้นศักสิทธิ์ เพื่อให้บริหารจัดการกันได้ ไม่เช่นนั้นหากทีใครทีมันก็จะไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย . -312 สำนักข่าวไทย
