fbpx

นายกฯ ปลื้มไทยติด 1 ใน 5 ประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน

ทำเนียบฯ 12 ส.ค.- โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ ปลื้มไทยติด 1 ใน 5 ประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน จากรายงานของ Global Times พร้อมเผยภาพรวมผู้โดยสารเดินทางเข้าไทยเดือนกรกฎาคม 2565 สูงถึง 118% ผลจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการสอดคล้องต่อเนื่อง


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวจีน โดยจากรายงานของ Global Times ระบุว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมามากที่สุด ภายหลังรัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายให้ประชาชนในประเทศเดินทางออกนอกประเทศได้ ถือเป็นโอกาสสำคัญของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีบทบาทสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยอย่างมากในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลเที่ยวบินขาออกจากจีนไปยังประเทศอื่น ๆ ในเดือนสิงหาคม มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยประเทศปลายทางที่ชาวจีนเดินทางมามากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ไทย และฝรั่งเศส ตามลำดับ และมีการคาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งปีหลังจำนวนเที่ยวบินขาออกจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้นอีก จากความต้องการเที่ยวบินไปยังต่างประเทศของชาวจีน ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจากจีนมาไทยมากถึง 10.99 ล้านคน หรือกว่า 1 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงมากแก่ไทย


นอกจากนี้ นายธนกรฯ ได้เผยถึงข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ จากกระทรวงการคมนาคม โดยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา มีปริมาณผู้โดยสารขาเข้าประเทศในทุกการขนส่งรวม 1,055,608 คน เพิ่มขึ้น 118.68% จากค่าเฉลี่ยเดือนมกราคม-มิถุนายน 2565 ซึ่งมีปริมาณผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยเดือนละ 482,719 คน โดยสัดส่วนการเดินทางตามรูปแบบการเดินทางในเดือนกรกฎาคม 2565 พบว่า ทางอากาศ มีสัดส่วนการเดินทางสูงสุด คิดเป็น 99.13% รองลงมา คือ ทางถนน 0.77% ทางราง 0.05% และทางน้ำ 0.05% ทั้งนี้ เป็นผลดีที่สืบเนื่องมาจากนโยบายผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศอย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ระหว่างประเทศ และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมการติดเชื้อ และมาตรการดูแลทางด้านสาธารณสุข ทำให้ไทยเป็นที่นิยม มีจำนวนการเดินทางของนักเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่บูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เพื่ออำนวยความสะดวกและผลักดันให้มีการเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น ตอบรับการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศของรัฐบาล จนเห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรม พร้อมสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมในการดูแล อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง ตลอดจนมาตรการที่สำคัญด้านการสาธารณสุข ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งถือเป็นโอกาสในการพลิกฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อีกครั้ง” นายธนกรฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชี้อิสราเอล-อิหร่านส่งสัญญาณหาทางถอยจากสงคราม

เยรูซาเล็ม 19 เม.ย.- สื่ออิสราเอลมองว่า การที่อิหร่านพยายามปฏิเสธว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิหร่านวันนี้ไม่ใช่การโจมตีแก้แค้นของอิสราเอล และการที่อิสราเอลยังคงนิ่งเฉยไม่ออกตัวว่าเป็นผู้กระทำ เป็นการส่งสัญญาณว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงครามในขณะที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น เว็บไซต์ไทมส์ออฟอิสราเอลรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจากทางการอิสราเอลว่า ได้โจมตีอิหร่านในเช้าวันนี้ ขณะที่สื่อทางการอิหร่านรายงานเพียงว่า มีการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศ และปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องมีการโจมตีที่ตั้งทางทหารในเมืองอิสฟาฮาน ที่อยู่ห่างจากกรุงเตหะรานลงไปทางใต้ 315 กิโลเมตร โดยระบุว่าเหตุการณ์ปกติ แต่เจ้าหน้าที่อิสราเอลและสหรัฐที่ขอสงวนนามเผยกับสื่อในสหรัฐว่า เป็นฝีมือของอิสราเอล หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐอ้างแหล่งข่าวอิหร่าน 3 คนว่า ฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮานถูกโจมตีแต่ไม่มีข้อมูลเรื่องความเสียหาย ไทมส์ออฟอิสราเอลมองว่า ลักษณะของการโจมตีอย่างจำกัด ซึ่งมีรายงานว่าเป็นการใช้โดรน ไม่ใช่ขีปนาวุธหรือปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ประกอบกับการที่อิสราเอลไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการ น่าจะเปิดทางให้รัฐบาลอิหร่านสามารถปฏิเสธเรื่องความจำเป็นที่จะต้องขู่โจมตีอิสราเอลเป็นครั้งที่ 2 หลังจากระดมยิงขีปนาวุธและโดรนมากกว่า 300 ลูกใส่อิสราเอลเมื่อเช้ามืดวันที่ 14 เมษายนตามเวลาอิสราเอล เป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า ทั้ง 2 ประเทศอาจกำลังหาทางล่าถอยจากการทำสงคราม ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า อิสราเอลจะแก้แค้นอิหร่านตามที่แสดงท่าทีมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่า จะไม่ยอมปล่อยให้อิหร่านโจมตีโดยไม่ตอบโต้ จุดกระแสวิตกว่า การโจมตีตอบโต้กันไปมาจะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ดี มีสัญญาณว่ากองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ลดความุรนแรงของแผนการโจมตีตามที่นานาชาติกดดันให้ใช้ความอดกลั้น.-814.-สำนักข่าวไทย  

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาในแท็งก์น้ำ ดาดฟ้าหอพัก

ผงะ! พบศพหนุ่มเมียนมาสภาพเปลือย ในแท็งก์น้ำบนดาดฟ้าหอพัก ย่านมีนบุรี เสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน คาดลงไปเล่นน้ำคลายร้อน

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เชิญ 4 ธนาคารใหญ่ ถกลดดอกเบี้ยบ้านกลุ่มเปราะบาง

นายกฯ เชิญผู้บริหาร 4 ธนาคารใหญ่ เข้าหารือ ขอให้ทั้ง 4 ธนาคาร ช่วยลดราคาดอกเบี้ยเงินกู้บ้านให้กับประชาชน ส่วนความเคลื่อนไหวทางด้านการเมือง เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณาแล้ว

สถานการณ์ชายแดนแม่สอดยังไม่น่าไว้วางใจ มีเสียงปืน-ระเบิดจากฝั่งเมียนมา

สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ยังไม่น่าไว้วางใจ หลังเช้านี้ได้ยินเสียงปืนและระเบิดจากการปะทะของกองกำลังกะเหรี่ยงกับทหารเมียนมา ดังขึ้นในรอบ 3 วัน ขณะที่บ่ายนี้ (23 เม.ย.) รมว.ต่างประเทศ เตรียมลงพื้นที่

เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือมาเลเซียชนกันกลางอากาศ-ดับแล้ว 10

กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือมาเลเซีย 2 ลำ ชนกันกลางอากาศในระหว่างการฝึกซ้อมสำหรับการแสดงในขบวนพาเหรดของกองทัพเรือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย

ยัน รบ.ไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ไม่ทำให้ขาดสภาพคล่อง

“จุลพันธ์” ยันรัฐบาลไม่ได้กู้เงิน ธ.ก.ส. ใช้ดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นกลไกงบประมาณ มั่นใจไม่ทำ ธ.ก.ส.ขาดสภาพคล่อง บอก อย่าลืมรัฐถือหุ้น100% พัฒนา “ซูเปอร์แอปฯ” ใช้งบประมาณไม่ถึงพันล้าน