กทม. 3 ก.ค.- “อนุชา” เผยสลากดิจิทัลงวด 16 กรกฎาคม จำนวน 5 ล้านใบ ขายหมดภายใน 22 ชั่วโมง เหลือสลากในระบบเพียง 1 แสนกว่าใบ
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคา เผย การจำหน่ายสลากดิจิทัล งวด 16 ก.ค. 2565 ล่าสุด ในเวลา 11.00 น. สามารถจำหน่ายสลากหมดแล้วกว่า 5 ล้านใบ ประชาชนเข้ามาซื้อสลาก 908,662 ราย จากจำนวนสลาก 5,146,000 ใบ
สำหรับรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข 3 หลัก ที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแนวทางการการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด ซึ่งหลังจากข่าวนี้นำเสนอออกไปทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลายอย่างทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บางคนมองว่าเพิ่มทางเลือกมอมเมาประชาชน นายอนุชาฯ ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายมอมเมาประชาชน เพียงแต่เพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนที่ชอบการเสี่ยงโชคจากเคยซื้อแบบไม่ถูกต้อง ก็มาซื้ออย่างถูกต้องมีระบบชัดเจน มีความน่าเชื่อถือ 100% ทั้งการซื้อและขึ้นเงินรางวัล ทั้งนี้ ผู้ซื้อสามารถเลือกหมายเลขที่ต้องการได้ทุกหมายเลข ตั้งแต่ 000 ถึง 999 เปิดจำหน่ายผ่านช่องทางดิจิทัล การซื้อทุกๆ 1 รายการ จะได้หมายเลขรางวัลพิเศษ 1 หมายเลข จำกัดอายุผู้ซื้อ-ผู้ขาย 20 ปี ขึ้นไป ออกรางวัลเดือนละ 2 ครั้ง วันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน จำหน่ายใบละ 50 บาท
ส่วนการจัดสรรเงินรางวัลเป็นรางวัลแบบผันแปรตามยอดขาย และผู้ถูกรางวัล โดยจะจ่ายเงินรางวัล 60% ของยอดขาย แบ่งเป็น 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลสามตรง (ตรงเลข-ตรงหลัก) คือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัลและหลักตรงกัน มีเงินรางวัล 30% รางวัลสามสลับหลัก (ตรงเลข-สลับหลัก) หรือโต๊ดคือ ตัวเลขที่เลือกตรงกับผลการออกรางวัลแต่หลักสลับกัน มีเงินรางวัล 30% รางวัลสองตรง (ตรงเลข-ตรงหลัก) คือ ตัวเลขที่เลือก ตรงกับผลการออกรางวัลและหลักตรงกัน มีเงินรางวัล 39% รางวัลพิเศษ เป็นรางวัลแจ๊กพอต มีเงินรางวัล 1%
นอกจากนี้ยังเป็นสลากแบบสมทบเงินรางวัล หากการออกรางวัลในงวดใดไม่มีผู้ถูกรางวัล จะนำเงินที่จัดสรรไว้ไปสมทบเพื่อจ่ายเป็น เงินรางวัลในงวดถัดไปได้ แต่สมทบได้ไม่เกินหนึ่งงวด โดยเงินรางวัลที่ทบเกินหนึ่งงวดจะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ผู้ถูกรางวัลเสียอากรแสตมป์ 0.5% ส่วนการทำสลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก จะมีรูปแบบการเล่น การจ่ายเงินรางวัลแบบเดียวกับลอตเตอรี่ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน เพียงแต่ให้มีการศึกษาและเปิดรับฟังความเห็นเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย พ.ร.บ.สลากฯ ที่ต้องมีการเปิดรับฟังความเห็น.-สำนักข่าวไทย