ขอทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ

จ.เชียงใหม่ 29 มิ.ย.- นายกฯ เปรียบประเทศไทยเหมือนรถยนต์ ขับเคลื่อนคน 70 ล้านคนไปข้างหน้า​ บอก​ทุกคนต้องช่วยกันเข็น ส่วนใครจะนำก็ต้องว่ากันไป​ ยัน ไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ไม่อยากให้ทุกสิ่งที่ทำมาสูญเปล่า


พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ เป็นประธานพิธีเปิด FTI EXPO 2022 : SHAPING FUTURE INDUSTRIES FOR STRONGER THAILAND พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ฉากทัศน์ใหม่อุตสาหกรรมไทยเพื่อความยั่งยืน” จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่มุ่งเน้นให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีการทำงานร่วมกัน สร้างการเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจของประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มาแลกเปลี่ยนความคิดในการยกระดับอุตสาหกรรมของไทยไปสู่อนาคตที่เข้มแข็ง ซึ่งทุกคนทราบดีว่าประเทศไทยมีศักยภาพอยู่ในหลายประการ ทั้งด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้โลกกำลังเข้าสู่โลกยุคใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ไทยจะต้องรับมือกับสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าในอนาคต สายลมอาจจะเปลี่ยนเป็นพายุ และเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะต้องมีการพูดคุยกันให้เข้าใจกันระหว่างบทบาทของรัฐบาลและเอกชนที่จะต้องจับมือไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าไปไม่ได้


“หากจะเปรียบเทียบประเทศไทย ก็เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่งที่จะนำคน 70 ล้านคนเดินไปข้างหน้าให้ได้และไม่หยุดนิ่ง เครื่องยนต์ไม่ติดขัด มีพลังงานที่เพียงพอ และประชาชนที่อยู่บนรถมีความสะดวกสบายในการเดินทาง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกอย่างเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี พลังงาน และคนบนรถที่มีความหลากหลายตามขีดความสามารถ ซึ่งจะทำอย่างไรจะให้รถนั้นวิ่งได้ โดยต้องเตรียมการรถยนต์ให้ดีได้ และเมื่อทำได้ก็จะสร้างรถหลาย ๆ คันขึ้นมาอีก” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ทุกคนย้อนดูว่าที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรไปบ้าง ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ได้ใช้งบประมาณไปจำนวนมาก เรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และจะสามารถทำให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ ตนรู้สึกเจ็บปวดและเห็นใจทุกคน อะไรที่ทำได้ก็จะทำให้ วันนี้ต่างประเทศมองไทยเป็นเป้าหมายแห่งการลงทุน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นว่า ทุกอย่างต้องผ่านกลไกตลาด มีข้อระเบียบและหลักเกณฑ์ต่าง ๆ จำนวนมาก เมื่อพลังงานสูงขึ้น ค่าขนส่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบหลายด้าน แต่ต้องดูอย่างรัดกุมที่สุด ทั้งนี้ ต้องไม่ทำให้การเงินของไทยอ่อนแอ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำให้ทั่วโลกยอมรับในเสถียรภาพของไทย ซึ่งขณะนี้สถานการณ์อยู่ในระดับ BBB+ แม้จะกู้เงินมาใช้บ้าง แต่ยังคงแข็งแรงอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าอยากจะกู้​ แต่ถ้าไม่กู้แล้วจะเอา GDP มาจากไหน​ เพิ่มรายรับมาจากครัวเรือนได้อย่างไร​ 


“ขณะนี้โลกแบ่งเป็นหลายขั้ว ต้องเตรียมการรองรับ ถ้าไม่เตรียมการวันนี้ ประเทศไทยจะไปต่อไม่ได้ และต้องทำให้ดินแดนอาเซียนเป็นดินแดนแห่งความสงบสุข​ มีเสถียรภาพ​ ไม่มีสงคราม​ เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารของโลก และจะต้องดูแลให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่ใครจะขัดแย้งก็ว่ากันไป ขณะที่ล่าสุดสถานการณ์การท่องเที่ยว ได้รับรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 2 ล้านคนแล้ว และตั้งเป้าว่าปีนี้จะเดินทางมาถึง 10 ล้านคน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ผลงานของตนเอง แต่ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน จึงทำให้การเปิดประเทศประสบความสำเร็จ แต่ถ้าทุกอย่างขัดแย้งไปหมดก็ไปต่อไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณผู้ร่วมงานทุกคนที่ใส่หน้ากากอนามัย แต่บางคนให้ใส่ก็ถอด บางคนให้ถอดก็ใส่ ซึ่งถือเป็นเรื่องของความสมัครใจ จะไปบังคับไม่ได้ ทั้งนี้ถ้าไม่อยากเป็นโควิดก็ให้ใส่หน้ากากอนามัย ไม่จำเป็นว่าต้องกลัวถูกบูลลี่ว่าใส่หน้ากาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องดูแลตัวเองและยังต้องดูแลคนในครอบครัวด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกเรื่องจะเกิดมูลค่าได้ด้วยการสร้างสตอรี่ ไม่ใช่สตรอว์เบอร์รี ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันด้วย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ารัฐบาลพูดอะไรทำไม่ได้ ก่อนที่จะกล่าวติดตลกว่า ตนพูดสู้ประธานสภาอุตสาหกรรมไม่ได้อยู่แล้ว พูดไม่ดีก็จะโดนโห่ สิ่งสำคัญคือถ้าร่วมมือร่วมใจร่วมใจกล่าวทุกวัน เศรษฐกิจไทยโดยรวมจะเป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้น คนไทยไม่ด้อยกว่าคนอื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรัก ความสามัคคี เสถียรภาพ

“เราทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ผมไม่ต้องการทะเลาะกับใคร ผมทำให้ทุกคน ทำให้ทุกจังหวัด ลงแผนงานโครงการให้ทุกจังหวัด แม้ว่าจะรักผมหรือไม่ก็ตาม แต่ผมก็ทำให้เขา เพราะเป็นหน้าที่ของผม เลิกกันเสียที จะไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย สิ่งที่ทำมาสูญเปล่าไปเฉย ๆ เราต้องการเห็นประชาชนก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี แข่งขันกับประเทศอื่นได้ เราต้องจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน ต้องนั่งรถคันเดียวกัน จะเป็นจะตายก็ต้องช่วยกันเข็น ส่วนใครจะนำก็ต้องว่าไป แต่สิ่งที่ทำวันนี้ต้องต่อเนื่อง ถ้าบอกว่าไอ้นู่นก็ไม่ดี ไอ้นี่ไม่ใช่ ก็ไม่ถูก ผมไม่ได้ว่าใคร ว่าตัวเอง ผมชอบพูดหาเรื่องแบบนี้แหละ แต่พูดด้วยหัวใจ หัวใจของผมเพื่อประชาชน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวงรายงานว่า นายกรัฐมนตรี พูดหยอกล้อนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานพลังงานว่า ตอนนี้เดินไปไหน นั่งไม่ติด ไฟจะไหม้อยู่แล้ว แต่ไม่ไหม้ จุดไม่ติด เพราะน้ำมันน้อย ส่วนเรื่องราคาน้ำมัน อยากลด พูดจนกางเกงหลวมแล้ว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]