กำชับพัฒนาคุณภาพชีวิตปชช.ตอนเหนือ

แม่ฮ่องสอน 13 มิ.ย.-“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ตามแก้ปัญหาน้ำ ที่ดิน ไฟป้า PM 2.5 กำชับเร่งช่วยเหลือปชช.เร็ว พัฒนาคุณภาพชีวิตให้พึ่งพาตนเองได้ ลดเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะปฏิบัติราชการในพื้นที่ภาคเหนือที่จ.แม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำ ที่ดินทำกินเกษตรกร ไฟป่า PM 2.5 โดยมีนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจัวหวัดแม่ฮ่องสอนและข้าราชการร่วมให้การต้อนรับ โดยรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และผลการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน

สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำปัจจุบัน จำนวน 7.6 ล้านลบ.ม.คิดเป็น ร้อยละ56.37 ซึ่งดีกว่าปีที่ผ่านมา และเพียงพอต่อความต้องการในปี2565 ส่วนเป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะมีราษฎรได้รับการจัดสรรที่ดินคทช. ครอบคลุม 7อำเภอ จำนวน 21,615คน และผลการป้องกันไฟป่าปี 2565 พบว่ามีจุดความร้อนลดลง 6,731 จุด คิดเป็นร้อยละ 56.35 ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยในปีนี้ จุดความร้อนสะสมเกิดขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 6ปี และสำหรับค่าPM 2.5 ปี 2565 บรรลุเกินเป้าหมาย (ค่าเกินมาตรฐาน37วันจากที่กำหนด39วัน)


พล.อ.ประวิตร  กล่าวชื่นชมการทำงานและมอบนโยบายสำคัญ โดยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกส่วนราชการเร่งบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โดยมุ่งให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่างทันท่วงที ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้พึ่งพาตนเองได้ พร้อมสร้างการรับรู้ประชาชน ให้ทั่วถึงด้วย

จากนั้น พล.อ.ประวิตรและคณะเดินทางไป สหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 5 แห่งให้แก่ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานอนุกรรมการนโยบายที่ดินจ.แม่ฮ่องสอน และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล(คทช.) ให้กับตัวแทนชุมชนจำนวน 4 คน โดยพล.อ.ประวิตรฯ มอบนโยบาย กำชับคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดิน จ.แม่ฮ่องสอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ไฟฟ้าและเส้นทางคมนาคม พร้อมทั้งให้นำแนวทางสหกรณ์ มาใช้บริหารจัดการในพื้นที่คทช.ให้มีความต่อเนื่อง

พล.อ.ประวิตรและคณะเดินทางไปศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแม่ฮ่องสอน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เยี่ยมชมกิจกรรมฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ และพบปะประชาชน ก่อนเดินทางต่อไปยังจ.เชียงใหม่เพื่อปฏิบัติภารกิจต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยชาวบ้านตลอดแนวโครงการเพิ่มปริมาณต้นทุนน้ำเขื่อนภูมิพล หรือโครงการผันแม่น้ำยวมตั้งแต่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นจุดสร้างเขื่อนและปากอุโมงค์ผันน้ำ ไปจนถึงชาวบ้านอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีอุโมงค์ยักษ์ขุดเจาะผ่าน ชาวบ้านอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นปากอุโมงค์ผันน้ำได้นัดกันแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เนื่องจากพล.อ.ประวิตรในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ผ่านความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) โครงการดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเป็น EIA ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและแอบอ้างชื่อชาวบ้าน

ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประวิตร ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขณะที่ชาวบ้านสบเมยยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอสบเมย และชาวบ้านอำเภอฮอด ได้ยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอฮอด ขณะที่ชาวบ้านอมก๋อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนจัดกิจกรรมแสดงจุดยืนไม่ให้นำดินจากโครงการขุดเจาะอุโมงค์ผันแม่น้ำยวมมากองทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน ทั้งนี้ หนังสือระบุว่าสืบเนื่องจากที่กรมชลประทานผลักดันโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวส่งน้ำยวม) ได้ EIA โดยว่าจ้างมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นผู้จัดทำตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งรายงานดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของคณะผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม(คชก.) โดยสำนักงานนโยบายแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในเดือนกรกฎาคม 2564  ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ นักวิชาการ และประชาชน ที่ได้ส่งเอกสารทักท้วงมาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี

หนังสือระบุว่า เดือนกันยายนปีเดียวกัน รายงานEIA กลับได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยที่หน่วยงานเจ้าของโครงการ และหน่วยงานตรวจสอบ มิได้มีการอธิบายข้อกังวลของประชาชนอย่างเพียงพอ ต่อมากรมชลประทานได้ว่าจ้างบริษัทปัญญาคอนซัลแตนท์ ทำโครงการศึกษาวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ผลการศึกษาเบื้องต้นที่มีการจัดเวทีที่เปิดเผยต่อสาธารณะล่าสุดระบุว่ามูลค่าการลงทุนของโครงการสูงถึง 172,220 ล้านบาท

หนังสือระบุว่า เครือข่ายประชาชนฯ ได้แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้นับตั้งแต่เสนอโครงการ ระหว่างการจัดทำรายงาน EIA โดยมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ส่งหนังสือร้องเรียนหลายฉบับอย่างต่อเนื่องถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน คณะผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของโครงการ และข้อบกพร่องหลายประการของการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะประเด็นกระบวนการจัดรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบที่ไม่ครบถ้วน ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่มีล่ามแปลภาษาท้องถิ่นให้ชาวบ้านเข้าใจได้ การถ่ายภาพกับชาวบ้านและระบุว่ามีการสัมภาษณ์เชิงลึกทั้งที่ไม่มีการสัมภาษณ์แต่อย่างใด  ดังนั้น พวกเราชาวบ้านในฐานะผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการมองเห็นความไม่ชอบธรรม ความไม่โปร่งใส ความไม่น่าเชื่อถือต่อกระบวนการพัฒนาโครงการและการจัดทำ EIA

หนังสือระบุเหตุผลที่คัดค้านว่า 1. ความไม่จำเป็นของการดำเนินโครงการนี้ ที่ที่ต้องการจะใช้ทรัพยากรน้ำจากลุ่มน้ำยวม สาละวิน ไปแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำปิง-เจ้าพระยา ซึ่งการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำควรใช้ทรัพยากรน้ำจากลุ่มน้ำนั้น ๆ 2. โครงการนี้จะมีมูลค่าการลงทุนที่สูงมาก และอาจจะต้องใช้งบประมาณของรัฐร่วมลงทุนกับเอกชน ซึ่งไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจจากผลประโยชน์ด้านการเกษตรและชลประทานที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาะเศรษฐกิจฝืดเคืองจากสภาวะการระบาดของโรคโควิด19 ต่อเนื่อง อาจเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เกิดประโยชน์สาธารณะและจะเป็นการสร้างภาระหนี้ระยะยาวให้กับประเทศ

3. ชาวบ้านชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง (ชาติพันธุ์กระเหรี่ยง) ที่มีภูมิลำเนาในป่ารอบต่อ 3 จังหวัด อยู่ในเขตพื้นที่ป่า มีวิถีชีวิตที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติจากป่าเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารและรายได้ ชุมชนได้ช่วยกันดูแลรักษาป่าต้นน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์มาตลอดหลายชั่วอายุคน แต่โครงการนี้จะทำให้ชาวบ้านต้องสูญเสียทั้งที่ดิน บ้านเรือน ที่ทำกิน พื้นที่ทางจิตวิญญาณ พื้นที่ป่าไม้ ป่าต้นน้ำ ลำห้วย และแม่น้ำ ที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนของเรา ซึ่งหากเกิดผลกระทบจากโครงการนี้ ระบบนิเวศเปราะบางและทรัพยากรธรรมชาจชติจะไม่อาจฟื้นฟูกลับมาให้เป็นดังเดิมได้

“พวกเราเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน ตลอดแนวพื้นที่โครงการ ทั้งเขื่อน สถานีสูบน้ำ แนวอุโมงค์ส่งน้ำ ปากอุโมงค์ส่งน้ำ จุดทิ้งกองดิน และแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จำนวนอย่างน้อย 46 หมู่บ้าน ใน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อ.สบเมย อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบลหลายแห่งในพื้นที่ดังกล่าว จึงขอแสดงจุดยืนว่า พวกเราไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านการเดินหน้าโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล-แนวผันน้ำยวม  ขอให้ท่านโปรดพิจารณาความคิดเห็นและข้อกังวลใจของพวกเราต่อโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และเป็นการฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง”หนังสือระบุ.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย