กำชับพัฒนาคุณภาพชีวิตปชช.ตอนเหนือ

แม่ฮ่องสอน 13 มิ.ย.-“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่แม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ตามแก้ปัญหาน้ำ ที่ดิน ไฟป้า PM 2.5 กำชับเร่งช่วยเหลือปชช.เร็ว พัฒนาคุณภาพชีวิตให้พึ่งพาตนเองได้ ลดเหลื่อมล้ำตามนโยบายรัฐบาล


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและคณะปฏิบัติราชการในพื้นที่ภาคเหนือที่จ.แม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำ ที่ดินทำกินเกษตรกร ไฟป่า PM 2.5 โดยมีนายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจัวหวัดแม่ฮ่องสอนและข้าราชการร่วมให้การต้อนรับ โดยรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และผลการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน

สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำปัจจุบัน จำนวน 7.6 ล้านลบ.ม.คิดเป็น ร้อยละ56.37 ซึ่งดีกว่าปีที่ผ่านมา และเพียงพอต่อความต้องการในปี2565 ส่วนเป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะมีราษฎรได้รับการจัดสรรที่ดินคทช. ครอบคลุม 7อำเภอ จำนวน 21,615คน และผลการป้องกันไฟป่าปี 2565 พบว่ามีจุดความร้อนลดลง 6,731 จุด คิดเป็นร้อยละ 56.35 ซึ่งบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยในปีนี้ จุดความร้อนสะสมเกิดขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 6ปี และสำหรับค่าPM 2.5 ปี 2565 บรรลุเกินเป้าหมาย (ค่าเกินมาตรฐาน37วันจากที่กำหนด39วัน)


พล.อ.ประวิตร  กล่าวชื่นชมการทำงานและมอบนโยบายสำคัญ โดยเน้นย้ำผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกส่วนราชการเร่งบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โดยมุ่งให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่างทันท่วงที ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้พึ่งพาตนเองได้ พร้อมสร้างการรับรู้ประชาชน ให้ทั่วถึงด้วย

จากนั้น พล.อ.ประวิตรและคณะเดินทางไป สหกรณ์ออมทรัพย์ครู จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 5 แห่งให้แก่ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน ในฐานะประธานอนุกรรมการนโยบายที่ดินจ.แม่ฮ่องสอน และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล(คทช.) ให้กับตัวแทนชุมชนจำนวน 4 คน โดยพล.อ.ประวิตรฯ มอบนโยบาย กำชับคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดิน จ.แม่ฮ่องสอน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ไฟฟ้าและเส้นทางคมนาคม พร้อมทั้งให้นำแนวทางสหกรณ์ มาใช้บริหารจัดการในพื้นที่คทช.ให้มีความต่อเนื่อง

พล.อ.ประวิตรและคณะเดินทางไปศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแม่ฮ่องสอน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณศูนย์บริการและพัฒนาลุ่มน้ำปายตามพระราชดำริ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เยี่ยมชมกิจกรรมฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ และพบปะประชาชน ก่อนเดินทางต่อไปยังจ.เชียงใหม่เพื่อปฏิบัติภารกิจต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยชาวบ้านตลอดแนวโครงการเพิ่มปริมาณต้นทุนน้ำเขื่อนภูมิพล หรือโครงการผันแม่น้ำยวมตั้งแต่อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นจุดสร้างเขื่อนและปากอุโมงค์ผันน้ำ ไปจนถึงชาวบ้านอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีอุโมงค์ยักษ์ขุดเจาะผ่าน ชาวบ้านอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นปากอุโมงค์ผันน้ำได้นัดกันแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เนื่องจากพล.อ.ประวิตรในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ผ่านความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) โครงการดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านเห็นว่าเป็น EIA ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและแอบอ้างชื่อชาวบ้าน

ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประวิตร ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขณะที่ชาวบ้านสบเมยยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอสบเมย และชาวบ้านอำเภอฮอด ได้ยื่นหนังสือผ่านนายอำเภอฮอด ขณะที่ชาวบ้านอมก๋อยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชนจัดกิจกรรมแสดงจุดยืนไม่ให้นำดินจากโครงการขุดเจาะอุโมงค์ผันแม่น้ำยวมมากองทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน ทั้งนี้ หนังสือระบุว่าสืบเนื่องจากที่กรมชลประทานผลักดันโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวส่งน้ำยวม) ได้ EIA โดยว่าจ้างมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นผู้จัดทำตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งรายงานดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของคณะผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม(คชก.) โดยสำนักงานนโยบายแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในเดือนกรกฎาคม 2564  ท่ามกลางเสียงคัดค้านของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ นักวิชาการ และประชาชน ที่ได้ส่งเอกสารทักท้วงมาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี

หนังสือระบุว่า เดือนกันยายนปีเดียวกัน รายงานEIA กลับได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยที่หน่วยงานเจ้าของโครงการ และหน่วยงานตรวจสอบ มิได้มีการอธิบายข้อกังวลของประชาชนอย่างเพียงพอ ต่อมากรมชลประทานได้ว่าจ้างบริษัทปัญญาคอนซัลแตนท์ ทำโครงการศึกษาวิเคราะห์โครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม-อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล ผลการศึกษาเบื้องต้นที่มีการจัดเวทีที่เปิดเผยต่อสาธารณะล่าสุดระบุว่ามูลค่าการลงทุนของโครงการสูงถึง 172,220 ล้านบาท

หนังสือระบุว่า เครือข่ายประชาชนฯ ได้แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้นับตั้งแต่เสนอโครงการ ระหว่างการจัดทำรายงาน EIA โดยมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ส่งหนังสือร้องเรียนหลายฉบับอย่างต่อเนื่องถึงหน่วยงานเกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน คณะผู้ชำนาญการด้านสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมของโครงการ และข้อบกพร่องหลายประการของการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะประเด็นกระบวนการจัดรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบที่ไม่ครบถ้วน ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่มีล่ามแปลภาษาท้องถิ่นให้ชาวบ้านเข้าใจได้ การถ่ายภาพกับชาวบ้านและระบุว่ามีการสัมภาษณ์เชิงลึกทั้งที่ไม่มีการสัมภาษณ์แต่อย่างใด  ดังนั้น พวกเราชาวบ้านในฐานะผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการมองเห็นความไม่ชอบธรรม ความไม่โปร่งใส ความไม่น่าเชื่อถือต่อกระบวนการพัฒนาโครงการและการจัดทำ EIA

หนังสือระบุเหตุผลที่คัดค้านว่า 1. ความไม่จำเป็นของการดำเนินโครงการนี้ ที่ที่ต้องการจะใช้ทรัพยากรน้ำจากลุ่มน้ำยวม สาละวิน ไปแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำปิง-เจ้าพระยา ซึ่งการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำควรใช้ทรัพยากรน้ำจากลุ่มน้ำนั้น ๆ 2. โครงการนี้จะมีมูลค่าการลงทุนที่สูงมาก และอาจจะต้องใช้งบประมาณของรัฐร่วมลงทุนกับเอกชน ซึ่งไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจจากผลประโยชน์ด้านการเกษตรและชลประทานที่แท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาะเศรษฐกิจฝืดเคืองจากสภาวะการระบาดของโรคโควิด19 ต่อเนื่อง อาจเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เกิดประโยชน์สาธารณะและจะเป็นการสร้างภาระหนี้ระยะยาวให้กับประเทศ

3. ชาวบ้านชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง (ชาติพันธุ์กระเหรี่ยง) ที่มีภูมิลำเนาในป่ารอบต่อ 3 จังหวัด อยู่ในเขตพื้นที่ป่า มีวิถีชีวิตที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติจากป่าเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารและรายได้ ชุมชนได้ช่วยกันดูแลรักษาป่าต้นน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์มาตลอดหลายชั่วอายุคน แต่โครงการนี้จะทำให้ชาวบ้านต้องสูญเสียทั้งที่ดิน บ้านเรือน ที่ทำกิน พื้นที่ทางจิตวิญญาณ พื้นที่ป่าไม้ ป่าต้นน้ำ ลำห้วย และแม่น้ำ ที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนของเรา ซึ่งหากเกิดผลกระทบจากโครงการนี้ ระบบนิเวศเปราะบางและทรัพยากรธรรมชาจชติจะไม่อาจฟื้นฟูกลับมาให้เป็นดังเดิมได้

“พวกเราเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน ตลอดแนวพื้นที่โครงการ ทั้งเขื่อน สถานีสูบน้ำ แนวอุโมงค์ส่งน้ำ ปากอุโมงค์ส่งน้ำ จุดทิ้งกองดิน และแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง จำนวนอย่างน้อย 46 หมู่บ้าน ใน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อ.สบเมย อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบลหลายแห่งในพื้นที่ดังกล่าว จึงขอแสดงจุดยืนว่า พวกเราไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านการเดินหน้าโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล-แนวผันน้ำยวม  ขอให้ท่านโปรดพิจารณาความคิดเห็นและข้อกังวลใจของพวกเราต่อโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และเป็นการฟังเสียงประชาชนอย่างแท้จริง”หนังสือระบุ.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” ยินดีมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027

กระทรวงวัฒนธรรม 16 ก.ค.- “แพทองธาร” ยินดีความสำเร็จมวยไทยบรรจุในกีฬาทหารโลก 2027 อย่างเป็นทางการ ชี้ เป็นผลลัพธ์การทำงานอย่างมุ่งมั่นของคกก.ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้านกีฬา-กองทัพไทย-สมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ผลักดันสู่เวทีกีฬาสากล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่ายกระดับมวยไทยสู่เวทีโลกอีกขั้น ดิฉันขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง กับความสำเร็จล่าสุดของประเทศไทย — #มวยไทย ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาของการแข่งขัน CISM World Summer Games 2027 (กีฬาทหารโลก 2027) อย่างเป็นทางการแล้วค่ะ การแข่งขันกีฬาทหารโลก จัดโดย สภากีฬาทหารระหว่างประเทศ เป็นมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ ปัจจุบันมีประเทศในสมาชิก 141 ถือเป็นเวทีสำคัญที่ทั่วโลกให้การยอมรับ ประเทศไทยเพิ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน 1st CISM Military Muaythai Challenge เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวแรกของการเปิดเวทีระหว่างประเทศให้มวยไทยเข้าสู่การแข่งขันของกองทัพนานาชาติ การบรรจุมวยไทยในกีฬาทหารโลกครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จสำคัญของประเทศไทย และเป็นผลลัพธ์จากการทำงานอย่างมุ่งมั่นของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Soft Power ด้านกีฬา ร่วมกับกองทัพไทย และสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ที่ผลักดันให้ “มวยไทย” […]

นักท่องเที่ยวคึกคัก “ตาเมือนธม” ปรับลดกำลังฝั่งละ 3 นาย

สุรินทร์ 16 ก.ค. – แม้เพิ่งผ่านเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จนนักท่องเที่ยวต้องวิ่งหลบเข้าบังเกอร์เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ แต่วันนี้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและกัมพูชายังคงเข้าไปเที่ยวคึกคัก ล่าสุดมีการปรับลดกำลังบนตัวปราสาทฝั่งละ 3 นาย ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ คึกคัก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากมาให้กำลังใจทหารที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติอย่างแข็งขัน หลังวานนี้ (15 ก.ค.) เกิดเหตุป่วนปราสาทตาเมือนธม ล่าสุดมีการปรับลดกำลังของแต่ละฝ่ายบนตัวปราสาท ฝั่งละ 3 นาย บรรยากาศปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ นักท่องเที่ยวทยอยเข้าพื้นที่ตั้งแต่เช้าก่อนเวลาเปิด ทั้งรถส่วนตัว รถทัวร์ รถตู้โดยสาร โดยรถทัวร์ 2 คัน ผู้โดยสาร 150 คน มาจากเทศบาลตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี นำสิ่งของมาบริจาคบำรุงขวัญทหาร ตำรวจแนวหน้า ขณะที่กลุ่มคนสวมเสื้อสกรีนข้อความ “รักเธอประเทศไทย” เป็นกลุ่มคุณเจน ญาณปรีดส์ ราว 40 คน เดินทางด้วยรถตู้ 4 คัน มาจากกรุงเทพฯ นอกจากมอบสิ่งของบริจาคเพื่อทหารทุกนายแล้ว ยังมอบเงินพิเศษให้ทหาร 2 […]

“สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ลุยสางปัญหาวงการสงฆ์

พุทธมณฑล 16 ก.ค.- “สุชาติ” มอบนโยบายสำนักพุทธฯ ผอ.พศจ.ทั่วประเทศตบเท้าเข้าฟัง หลังเกิดประเด็นฉาว “สีกากอล์ฟ” บอกขอฟังปัญหาก่อนเพื่อแก้ให้ตรงจุด ชี้ถูกสั่งให้มาสางปัญหาแต่ปัญหามีเยอะเหลือเกิน ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 67 แจง รัฐต้องช่วยแก้ปัญหา นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมามอบนโยบายการดำเนินงานแก่ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงและผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาทั่วประเทศเข้ารับฟัง ณ อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ห้องประชุม มส.เดิม) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หลังเกิดประเด็น สีกากอล์ฟ ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้มีการลาสิกขาบทไปแล้วถึง 9 รูป โดยนายสุชาติ กล่าวว่า ตนมาวันนี้อยากขอฟังภารกิจของสำนักงานพระพุทธศาสนา ในสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เพราะตอนนี้ตนได้มารับงานดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นอย่างที่ตนได้เคยให้ข่าวไว้ว่ารับน้องใหม่แรงเหลือเกิน แต่ไม่เป็นไรยินดีที่จะเข้ามาสางปัญหา เพราะถูกส่งให้เข้ามาสางปัญหาโดยเฉพาะ แต่ก็มีปัญหาให้สางเยอะไปหน่อย แล้วตนอยากฟังว่าการดำเนินงานที่ผ่านมามีปัญหาหรือติดขัดอะไรบ้าง มีอะไรให้รัฐบาลช่วยเหลือแก้ไขให้ถูกจุด เพราะว่าตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 5 […]

“ภูมิธรรม” ขออดทนอดกลั้นเหตุกัมพูชายั่วยุ อย่าฟัง “ฮุนเซน”

บน.6 ดอนเมือง 16 ก.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่นรัฐบาลไม่พอใจกัมพูชามากอยู่แล้ว ขอประชาชน-ทหาร อดทนเหตุยั่วยุต่างๆ อย่าฟัง “ฮุนเซน” แค่ “พ่อนายกฯ เขมร” อยากแก้ปัญหา แต่ไม่มีอำนาจตัดสินใจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายที่ประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ วานนี้ว่า เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด ซึ่งทราบว่ามีการยั่วยุ โดยพยายามสั่งให้เจ้าหน้าที่ไทยระมัดระวังและอดทนอดกลั้นให้มากที่สุด รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก แต่ก็ต้องคอยระวัง เพราะกัมพูชาจะใช้กลยุทธ์วิธีแบบนี้ในการทำให้เกิดการประทะกัน เกิดความรุนแรง ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในเรื่องระหว่างประเทศได้ กำลังพลของไทยส่วนใหญ่เข้าใจ ยืนยันว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา และไม่ให้ถูกกล่าวหาว่าเราทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อจะเอาพื้นที่กลับมา สำหรับปราสาทตาเมือนธม ก็มีมาตรการในการป้องปรามอยู่แล้ว เปิดบางส่วนปิดบางส่วน ก็ต้องดูเป็นพื้นที่ และเป็นอำนาจในการควบคุมดูแลของแม่ทัพภาคที่ 2 เมื่อถามว่ากังวลจะมีเหตุซ้ำรอยหรือไม่ เพราะกัมพูชายั่วยุมา ส่วนฝ่ายไทยก็มีอดีตทหารพรานไปชกหน้าทหารกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องพยายามอย่าปลุกความเกลียดชัง สิ่งที่เราห่วงใยคือการปะทะแล้วจะเลยเถิดไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประชาชนชาวไทยที่อยู่แนวชายแดน และทหารหาญ เพราะถ้ากระทบขึ้นมาก็ไม่ดี “รัฐบาลไม่พอใจกัมพูชาอย่างมากอยู่แล้ว และในแง่การดำเนินการทางการทูต รัฐมนตรีต่างประเทศก็ได้ดำเนินการแต่ละขั้นตอน […]