อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 17 เม.ย. – ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคไทยสร้างไทย ทำชาเลนจ์วันหยุด วัดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคนกรุงเทพฯ ด้วยรถไฟฟ้า รถแท็กซี่ และรถเมล์
น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคไทยสร้างไทย ทดลองนั่งรถไฟฟ้า เริ่มต้นจากสายสีแดง ที่สถานีดอนเมือง ไปสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบว่า จากการเดินทางจะต้องเปลี่ยนรถไฟฟ้าถึง 3 สาย จากสายสีแดง เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน ที่สถานีกลางบางซื่อ จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สถานีจตุจักร เพื่อไปยังจุดนัดพบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง ด้วยค่าโดยสารคนละ 85 บาท
ส่วน ฟิล์ม รัฐภูมิ นั่งรถแท็กซี่ จากสถานีรถไฟฟ้าดอนเมือง ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ระยะทาง 24 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ค่าโดยสาร 175 บาท
ขณะเดียวกัน ได้ส่งทีมงานขึ้นรถเมล์ปรับอากาศ จากป้ายรถเมล์หน้าสนามบินดอนเมือง ไปยังจุดนัดพบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใช้เวลาการเดินทาง 1.20 ชั่วโมง เพราะรวมเวลารอรถด้วย ค่าโดยสารคนละ 30 บาท
น.ต.ศิธา ระบุว่า ปัญหาที่พบคือ ค่าเดินทางของคนกรุงเทพฯ ในแต่ละเดือนไม่ควรเกิน 15% ของเงินเดือน ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล กทม. และภาคเอกชน ต้องมีแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ทำให้ค่าเดินทางลดลง ส่วนสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีปัญหา หากเป็นไปได้ทุกหน่วยงานต้องพูดคุยกัน เพื่อหาข้อยุติไม่ให้กระทบกับประชาชน และหากได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าฯ กทม. สิ่งแรกที่สามารถทำได้ก็คือ การออกตั๋วแมงมุม แบบครบวงจรที่บัตรหนึ่งใบสามารถใช้จ่ายบริการขนส่งสาธารณะและระบบสาธารณูปโภคทุกประเภท
ส่วนเรื่องที่มีปัญหากระทบกระทั่งกันในกลุ่มไลน์ของอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยืนยันไม่มีปัญหา เพียงแต่ต้องการให้แกนนำพรรคคนดังกล่าวที่ออกมาแสดงความเห็น พูดถึงใคร และเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบกับคะแนนนิยมของตนเอง และ ส.ก. ของพรรคไทยสร้างไทย แน่นอน
สำหรับผลสำรวจของนิด้าโพล ล่าสุดที่ระบุว่า ประชาชนส่วนใหญ่จะเลือกจากนโยบายของผู้สมัคร เชื่อว่านโยบายของผู้สมัครแต่ละคนไม่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจะหยิบยกเรื่องไหนขึ้นมาเน้นให้เกิดประโยชน์ และแก้ไขปัญหาให้กับคนกรุงเทพฯ อย่างไรมากกว่า แต่ยอมรับว่า พรรคใหญ่ที่ส่งผู้สมัครมีความได้เปรียบกว่า ส่วนตนเองมีความตั้งใจที่จะทำงาน สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา ทำงานให้กับทุกฝ่าย ไม่ขัดแย้งกับใคร และประชาชนจะเข้าใจ
ส่วนเรื่องการใส่ร้ายโจมตีกัน ทำลายป้ายหาเสียง ขอให้ลดการเอาชนะกัน และไม่ว่าใครจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ยินดีให้นำนโยบายของตนเองไปใช้ได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องยกตำแหน่งอะไรให้เพื่อเป็นการตอบแทน. – สำนักข่าวไทย