รัฐสภา 29 ธ.ค.-ปธ.กมธ.ดีอีเอส แนะศบค.เร่งบูรณาการทำงาน –รวมแอปพลิเคชันหน่วยงานต่าง ๆ อำนวยความสะดวก ลดซ้ำซ้อนกรอกข้อมูลโควิดของประชาชน
น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคมและดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า การประชุมของกมธ.สัปดาห์ที่ผ่านมาหารือถึงประเด็นปัญหาความยุ่งยากและซ้ำซ้อนของประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต้องกรอกข้อมูลผ่านระบบแอปพลิเคชันของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวกับการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากปัจจุบันในแต่ละหน่วยงานหรือแต่ละจังหวัดกำหนดให้ประชาชนที่เดินทางเข้า-ออก ต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับการได้รับวัคซีน ประวัติสุขภาพ และอื่น ๆ ที่จำเป็นซ้ำซ้อนบนแอปพลิเคชันของหน่วยงานรัฐหลายตัว
“กมธ.เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมการปกครอง เข้าร่วม อย่างไรก็ดี กมธ. ได้มีความเห็นร่วมกันว่าระบบการลงข้อมูลดังกล่าวควรพัฒนาเป็นแอปพลิเคชันเดียวและใช้ได้ทั่วไป แต่จากการรับฟังข้อมูลจากหน่วยงานที่ชี้แจงระบุว่าเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากแต่ละหน่วยงานไม่สามารถกำกับหรือสั่งการข้ามหน่วยงานได้ เช่น กรณีที่แต่ละจังหวัดพัฒนาแอปพลิเคชันให้ประชาชนใช้ภายในจังหวัดเพื่อเดินทางเข้า-ออก อีกทั้ง มีความจำเป็นต้องแยกแอปพลิเคชันบางตัว เช่น หมอพร้อม ไทยแลนด์พาส เพราะมีวัตถุประสงค์การใช้ต่างกัน” น.ส.กัลยา กล่าว
น.ส.กัลยา กล่าวว่า หลังจากที่รับฟังคำชี้แจงแล้ว กมธ.ฯ มีข้อเสนอสำคัญ คือ การบริหารจัดการด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ควรเร่งบูรณาการในรูปแบบ one stop service หรือจุดเดียวจบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทาง ส่วนประเด็นที่หน่วยงานต่างๆ มีการบริหารงานภายในที่สั่งการข้ามองค์กรไม่ได้ เชื่อว่าตัวแทนของหน่วยงานรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศบค.จะนำประเด็นไปสะท้อนให้กับที่ประชุมศบค.รับทราบและเร่งปรับปรุงแก้ไข
“เชื่อว่าโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกนาน ดังนั้น การหาช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชน โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานลดขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งกมธ.เชื่อว่าหากหน่วยงานรัฐสามารถบูรณาการทำงานร่วมกันได้จะเกิดประโยชน์กับประเทศ โดยเฉพาะข้อมูลและรายละเอียดที่จะนำไปแก้ไขปัญหาและควบคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในอนาคต” น.ส.กัลยา กล่าว.-สำนักข่าวไทย