สั่งขึ้นบัญชีดำสถานบันเทิงฝืนคำสั่ง  

ทำเนียบรัฐบาล 26 พ.ย.- นายกฯ ยังไม่เปิดสถานบันเทิง รอความพร้อมให้ดีก่อน กำชับ ผบ.ตร.เข้มผับฝั่งตรงข้าม ให้ขึ้นบัญชี สั่งงดเปิดบริการ เตือน ส.ส.พปชร.ต้องรับผิดชอบ ไม่ใส่แมสก์ในงานวันเกิด


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์ทั้งภายในประเทศ โลกและภูมิภาคต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับการเปิดประเทศของไทย ซึ่งกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเติมมากพอสมควร โดยเน้นย้ำมาตรการ covid free setting เน้นเรื่องการฉีดวัควีนให้ครบทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ

“ที่ประชุมรับรายงานเชื้อโควิดกลายพันธุ์จากฝั่งยุโรปแล้ว และติดตามอย่างใกล้ชิด กรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขดูแลอยู่ ซึ่งผมเน้นย้ำเรื่องเชื้อกลายพันธุ์ว่าต้องมีมาตรการอย่างไร ดังนั้น การเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้ ต้องห้ามโดยเด็ดขาด เพื่อจะไม่นำเชื้อเข้ามาแพร่ในประเทศไทย โดยเฉพาะเชื้อแอฟริกาที่ค่อนข้างจะกลายพันธุ์มากพอสมควร จึงต้องระมัดระวังในกลุ่มประเทศเหล่านี้ด้วย นอกจากนี้จะเร่งทำความเข้าใจเรื่องการฉัดวัควีนที่ต้องระดมมาให้ฉีดกันมากขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว


ส่วนการเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ เมื่อใดที่มีความพร้อมจะพิจารณาอีกครั้ง ต้องขอความเห็นใจ เพราะมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลต้องการให้ปีใหม่เป็นเทศกาลความสุขที่ไม่มีการแพร่ระบาดโควิด โดยเฉพาะก่อนถึงปีใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ได้หารือเป็นมติที่ประชุมแล้ว ซึ่งสาเหตุที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดกิจการได้ เนื่องจากทางการแพทย์พิจารณาแล้ว เห็นว่ายังมีปัญหา และกังวลว่าช่วงปีใหม่จะเกิดปัญหาขึ้นอีกและหากเกิดการแพร่ระบาดจะทำให้คนไม่มีความสุข และหากสถานประกอบการยังไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานที่กำหนด จำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน

“สถานประกอบการต้องรับฟังและดำเนินการให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด มิเช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อประเทศ ที่เดินหน้ามาจนถึงตอนนี้ แต่รัฐบาลจะหามาตรการเยียวยาให้ และได้เตรียมการด้านงบประมาณไว้แล้ว เพื่อดูแลว่าหากเปิดไม่ได้ จะทำอย่างไร เป็นการช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ นักดนตรี ยืนยันเห็นใจในความเดือดร้อนและให้กระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปร่วมหามาตรการว่าจะดูแลกลุ่มคนเหล่านี้อย่างไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีพบผู้ติดเชื้อภายในร้านอาหารที่เล่นดนตรีสดในห้างเซ็นทรัล เวิลด์ ตรงข้ามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กำชับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้กวดขันร้านและสถานบันเทิงเหล่านี้และขึ้นบัญชีไว้ เมื่อใดที่อนุญาตให้เปิดได้ จะไม่ให้ร้านเหล่านี้เปิด และให้ผู้รับผิดชอบพื้นที่ได้รับโทษทางวินัยด้วย


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีให้นักเรียนตรวจ ATK ก่อนเข้าเรียน จะถือเป็นภาระผู้ปกครองหรือไม่ ว่า เรื่องนี้ก็จำเป็นต้องช่วยกันเพื่อความปลอดภัยของส่วนรวม ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการเข้าไปดูแลอยู่ และได้สั่งการให้ดูแลปัญหาต่างๆ

ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลนำกลุ่มนักดนตรีกลางคืน ศิลปินอิสระฟ้องร้องรัฐบาลแบบหมู่ เรียกค่าเสียหายจากการสั่งปิดสถานบันเทิง ทำให้เขาดรายได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องศาลและกระบวนการยุติธรรมพิจารณา ทุกอย่างดำเนินการตามกฏหมายทุกเรื่อง รวมถึงการดำเนินคดีต่าง ๆ ให้อำนวยความยุติธรรม ใครผิดก็ว่าไปตามผิด และว่า “เลิกสักทีแบบนี้ ใช้มวลชนมาพูดจา ทำผิดกฏหมายแล้วหาว่าเรารังแก มันคงไม่ใช่ ทุกอย่างอยู่ด้วยกฏหมาย ไม่งั้นเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีปรากฎภาพ น.ส.กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดงานวันเกิดและไม่ป้องกันมาตรการสาธารณสุข ไม่สวมหน้ากากอนามัย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ตักเตือนไปแล้ว เป็นเรื่องของผู้ที่จัดงาน หากเกิดการแพร่ระบาดต้องรับผิดชอบ ใครจะจัดงานอะไรต้องระมัดระวัง สิ่งสำคัญที่สุดไม่ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ ต้องใส่หน้ากากและใช้มาตรการ DMHTT ต้องขออนุญาตจาก ศบค.อย่างเป็นทางการด้วย

“เชื่อว่าจะไม่กลายเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าเริ่มย่อหย่อน เพราะมีมาตรการเปิดสถานที่ต่าง ๆ ไว้อยู่แล้ว และขอทำให้ถูกต้องตามหลักของ ศบค. และอย่าทำให้เกิดปัญหาขึ้นอีก เพราะหากเกิดปัญหาจะกลับมากดดันที่ผม แล้วต้องไปสู่การพิจารณาปิดสถานที่ ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลดลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา ซึ่งผู้เสียชีวิตในช่วงแรกจำนวนมากส่วนใหญ่มาจากผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงอยากให้ประชาชนรับทราบว่าผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนมีความเสี่ยงติดเชื้อและเสียชีวิตสูงมาก จึงขออย่าเลือกยี่ห้อวัคซีน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนวัคซีนทางเลือก รัฐบาลสนับสนุนเต็มที่ แต่กรณีที่ประชาชนได้ไปจองกับภาคเอกชน ต้องไปเรียกร้องกันเอง อยากให้ผู้ที่จองวัคซีนทางเลือกมาฉีดวัคซีนของภาครัฐ ซึ่งมีให้บริการพร้อมอยู่แล้ว ในอนาคตหากผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน อาจจะไม่สามารถเดินทางไปไหนได้ ซึ่งไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน แต่เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]