จ.ชัยนาท 30 ก.ย. -“อรรถวิชช์” ดูเขื่อนเจ้าพระยา หารือชลประทาน ระดับยังไม่วิกฤต อยู่ที่การบริหารจัดการ เชื่อรับมือได้ก่อนน้ำทะเลหนุน ขอ กทม. เตรียมความพร้อมช่วยผันน้ำ
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า นำทีมกล้าอาสาเก็บข้อมูลจากสำนักชลประทานที่ 12 (SWOC12) เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท โดยกล่าวว่า วันนี้มาเช็คต้นขั้วให้เห็นกับตา เพราะเขื่อนเจ้าพระยาเป็นเขื่อนชะลอรับน้ำเหนือด่านสุดท้าย ก่อนปล่อยลงสู่ภาคกลางตอนล่างและกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจัยหลักที่น้ำจะท่วมคือ 1.ปริมาณน้ำฝน มีการคาดการณ์ว่าพายุดีเปรสชั่น จะเริ่มก่อตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์วันที่ 3 ตุลาคมนี้ และยังคาดไม่ได้แน่ชัดว่าจะขึ้นมาที่ไทยช่วงวันที่ 6-7 ตุลาคมนี้หรือไม่ 2.ปัจจัยน้ำทะเลหนุน ซึ่งจะเริ่มหนุนสูงตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม จนถึงเดือนพฤศจิกายนช่วงเทศกาลลอยกระทง ดังนั้นสถานการณ์ตอนนี้จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ 3. คือการบริการจัดการน้ำเหนือในช่วง 7 – 10 วันต่อจากนี้
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า การระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาวันนี้อยู่ที่ 2,775 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ยังอยู่ในระดับธงเหลือง ยังไม่เข้าขั้นวิกฤตระดับธงแดง ซึ่งต้องอยู่ที่ 2,840 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกับนายเนรมิต เทพนอก รองผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 12 (SWOC12) ที่ย้ำกับประชาชนว่า จะเร่งผันน้ำให้ประชาชนเดือดร้อนให้น้อยที่สุดและเร็วที่สุด ให้ทันก่อนที่พายุจะเข้าหรือน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งปริมาณน้ำฝนขณะนี้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ มั่นใจว่าสถานการณ์น่าจะเอาอยู่
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า สรุปว่าบริหารได้ แต่ยังมีปัญหาการแจ้งเตือนภัยกับประชาชนที่อยู่ใกล้แม่น้ำ เพราะจากที่ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน จ.นครสวรรค์และ จ.ชัยนาท พบว่าทางกระทรวงมหาดไทยยังล่าช้าอยู่ ซึ่งกรมชลประทานมีข้อมูลการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ว่าจำนวนกี่ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะทำพื้นที่ใดเสี่ยงที่จะน้ำท่วมบ้าง หากมีการบูรณาการร่วมกัน น่าจะทำให้การเตือนภัยมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับกรุงเทพมหานคร นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ทางผู้ว่า กทม. ก็ต้องรับมือน้ำฝนอย่างเต็มที่ ควรเร่งเตรียมพื้นที่รับน้ำ คลอง บึง และเตรียมระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างไปออกทะเลที่ปากน้ำโดยด่วน ก่อนน้ำทะเลหนุนอุดปากทางช่วง 15 ตุลาคมนี้ ดังนั้นสัปดาห์นี้ การบริหารจัดการน้ำสำคัญที่สุด.-สำนักข่าวไทย