ยกเครื่องกฎหมายแก้ปัญหารุนแรงทางเพศ

กทม.  วันนี้  ( 22 ก.ย.)   “ณัฐวุฒิ” ก้าวไกล  ชี้การไล่จับกุมผู้ผลิตเนื้อหา 18+  ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศ   แนะยกเครื่องกฎหมายคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศทั้งระบบ


นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. เข้าจับกุมนักแสดงเนื้อหา 18+  ชื่อดังพร้อมแฟนหนุ่ม  ในข้อหาผลิตสื่อลามกอนาจารและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ  ว่าตนไม่เห็นด้วยกับการไล่จับผู้กระทำความผิดเป็นรายบุคคล   พร้อมชี้หากตำรวจต้องการคุ้มครองเยาวชนและป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงทางเพศ  อาจต้องหันมามองความจริง และช่วยกันผลักดันการแก้กฎหมาย  เพื่อคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ  พร้อมกับกำหนดอายุและเงื่อนไขการเข้าถึงบริการทางเพศ และเนื้อหา  18+ ทั้งระบบ

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่ากรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาข่มขืนกระทำชำเราฯ  ได้ศึกษาพบว่าปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีปัจจัยมาจากหลายด้าน ทั้งปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์เพศของผู้กระทำความผิดเอง  ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย  ซึ่งจากรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เช่น ในปี 2561 รับแจ้งเหตุความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา 2158 คดี   แต่จับกุมผู้กระทำความผิดได้เพียง 1926 คดี หรือในปี 2562 รับแจ้งเหตุ 1805 คดี แต่จับกุมผู้กระทำได้เพียง 1597 คดี  ทำให้ผู้กระทำความผิดจำนวนหนึ่งยังลอยนวล  เสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ  ทั้งนี้ไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความว่าไม่รู้มีอีกเท่าไร   ปัญหาขาดมาตรการแก้ไขพฤติกรรมผู้กระทำความผิด   ปัญหาการขาดการสอนเรื่อง “เพศวิถีศึกษา” ในสถาบันการศึกษาที่ถูกต้อง  รวมจนถึงการไม่ยอมรับการมีอยู่ของการค้าประเวณี ไปจนถึงเซ็กซ์ทอยต่างๆ


นายณัฐวุฒิ กล่าวว่ากรรมาธิการฯ ชุดดังกล่าวได้เสนอต่อสภา   และสภาได้เสนอรายงานต่อ ครม. ให้แก้ไขปัญหาเป็นระบบ  ตั้งแต่การแก้ไขประมวลกฏหมายอาญา ในเรื่องการแก้ไขนิยาม  การใช้วิธีการใหม่ๆ กับผู้กระทำความผิดซ้ำ  เช่นการใช้ยาปรับฮอร์โมนเพศ  การสอนเรื่องเพศวิถีศึกษา การเพิ่มช่องทางในการร้องเรียนผ่านหน่วยงานและการช่วยเหลือผู้เสียหายในรูปแบบสหวิชาชีพ  และที่สำคัญในรายงานได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการแก้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539  และการศึกษาเรื่องเซ็กซ์ทอย  ในฐานะปัจจัยที่อาจนำไปสู่การลดความรุนแรงทางเพศด้วย แม้รัฐบาลจะได้ตอบกลับรายงานมา  แต่ยังไม่เห็นท่าทีว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและจริงจังแต่ประการใด

“ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ทำเนื้อหา 18+ หลายราย  ที่ทำผ่านแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ต่างยืนยันตรงกัน  ว่าลักษณะงานที่เขาทำเป็นอาชีพ และเป็นมืออาชีพ  เป็นงานให้บริการทางเพศ  หรือ sex worker เหมือนผู้ให้บริการทางเพศที่ให้บริการกับผู้ซื้อบริการโดยตรง เพียงแต่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ ยังไปกำหนดห้ามไว้  การปลดล็อคหรือยกเลิกกฎหมายดังกล่าว  จึงเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่ดีกว่า สำหรับการเข้าถึงบริการนั้น ” นายณัฐวุฒิ  กล่าว

นายณัฐวุฒิ  ยังกล่าวว่า  ระบบเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถกำหนดเงื่อนไขหรืออายุของผู้เข้าถึงได้  ซึ่งการที่ทำให้อาชีพนี้ขึ้นมาบนดิน   โดยมีกฎหมายรองรับและกำกับ  น่าจะแก้ไขปัญหาการล่อลวงเด็กและเยาวชน  การค้ามนุษย์  การเรียกรับสินบน  ไปจนถึงการลดปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้  อีกทั้งกลุ่มดังกล่าวยังสนับสนุนเรื่องเซ็กซ์ทอย  ในฐานะวัตถุทางการแพทย์ และสนับสนุนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาที่เข้าใจและเคารพความแตกต่างของมนุษย์ทุกเพศสภาพ  ซึ่งหลายเรื่องตรงกันกับที่พรรคก้าวไกลต้องการผลักดัน  ทั้งเรื่องการเสนอญัตติเกี่ยวกับการศึกษาภาพยนต์และของเล่นผู้ใหญ่  และการยกร่าง พ.ร.บ.การค้าประเวณีและคุ้มครองผู้ให้บริการฯ   “แทนที่จะรัฐบาลและผู้บังคับใช้กฎหมายจะแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศในสังคมอย่างเข้าใจและเป็นระบบ  แต่กลับเลือกไม่ยอมรับความเป็นจริง  พยายามทำให้ผู้ให้บริการทางเพศไม่มีตัวตน  เป็นผู้ผิดต่อกฎหมาย เป็นความเสื่อมโทรมของสังคม จะยิ่งนำไปสู่ช่องทางที่ลงใต้ดินมากยิ่งขึ้น  ยากต่อการควบคุม เป็นช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์ และท้ายสุดปัญหาการข่มขืนกระทำเราหรือการล่วงละเมิดทางเพศก็ไม่ได้ลดลงแต่ประการใด ท่านอาจหยุดยั้งศีลธรรมบางอย่างที่ท่านเชื่อเช่นนั้นในระยะเวลาหนึ่งได้  แต่ไม่อาจหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาได้” นายณัฐวุฒิกล่าว .- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย