กทม. วันนี้ ( 22 ก.ย.) “ณัฐวุฒิ” ก้าวไกล ชี้การไล่จับกุมผู้ผลิตเนื้อหา 18+ ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศ แนะยกเครื่องกฎหมายคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศทั้งระบบ
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ และอดีตรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. เข้าจับกุมนักแสดงเนื้อหา 18+ ชื่อดังพร้อมแฟนหนุ่ม ในข้อหาผลิตสื่อลามกอนาจารและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ว่าตนไม่เห็นด้วยกับการไล่จับผู้กระทำความผิดเป็นรายบุคคล พร้อมชี้หากตำรวจต้องการคุ้มครองเยาวชนและป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงทางเพศ อาจต้องหันมามองความจริง และช่วยกันผลักดันการแก้กฎหมาย เพื่อคุ้มครองผู้ให้บริการทางเพศ พร้อมกับกำหนดอายุและเงื่อนไขการเข้าถึงบริการทางเพศ และเนื้อหา 18+ ทั้งระบบ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่ากรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาข่มขืนกระทำชำเราฯ ได้ศึกษาพบว่าปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศมีปัจจัยมาจากหลายด้าน ทั้งปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์เพศของผู้กระทำความผิดเอง ปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจากรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น ในปี 2561 รับแจ้งเหตุความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา 2158 คดี แต่จับกุมผู้กระทำความผิดได้เพียง 1926 คดี หรือในปี 2562 รับแจ้งเหตุ 1805 คดี แต่จับกุมผู้กระทำได้เพียง 1597 คดี ทำให้ผู้กระทำความผิดจำนวนหนึ่งยังลอยนวล เสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ ทั้งนี้ไม่พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ผู้เสียหายไม่กล้าแจ้งความว่าไม่รู้มีอีกเท่าไร ปัญหาขาดมาตรการแก้ไขพฤติกรรมผู้กระทำความผิด ปัญหาการขาดการสอนเรื่อง “เพศวิถีศึกษา” ในสถาบันการศึกษาที่ถูกต้อง รวมจนถึงการไม่ยอมรับการมีอยู่ของการค้าประเวณี ไปจนถึงเซ็กซ์ทอยต่างๆ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่ากรรมาธิการฯ ชุดดังกล่าวได้เสนอต่อสภา และสภาได้เสนอรายงานต่อ ครม. ให้แก้ไขปัญหาเป็นระบบ ตั้งแต่การแก้ไขประมวลกฏหมายอาญา ในเรื่องการแก้ไขนิยาม การใช้วิธีการใหม่ๆ กับผู้กระทำความผิดซ้ำ เช่นการใช้ยาปรับฮอร์โมนเพศ การสอนเรื่องเพศวิถีศึกษา การเพิ่มช่องทางในการร้องเรียนผ่านหน่วยงานและการช่วยเหลือผู้เสียหายในรูปแบบสหวิชาชีพ และที่สำคัญในรายงานได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการแก้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 และการศึกษาเรื่องเซ็กซ์ทอย ในฐานะปัจจัยที่อาจนำไปสู่การลดความรุนแรงทางเพศด้วย แม้รัฐบาลจะได้ตอบกลับรายงานมา แต่ยังไม่เห็นท่าทีว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจและจริงจังแต่ประการใด
“ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ทำเนื้อหา 18+ หลายราย ที่ทำผ่านแพลตฟอร์มในต่างประเทศ ต่างยืนยันตรงกัน ว่าลักษณะงานที่เขาทำเป็นอาชีพ และเป็นมืออาชีพ เป็นงานให้บริการทางเพศ หรือ sex worker เหมือนผู้ให้บริการทางเพศที่ให้บริการกับผู้ซื้อบริการโดยตรง เพียงแต่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ ยังไปกำหนดห้ามไว้ การปลดล็อคหรือยกเลิกกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่ดีกว่า สำหรับการเข้าถึงบริการนั้น ” นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวว่า ระบบเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถกำหนดเงื่อนไขหรืออายุของผู้เข้าถึงได้ ซึ่งการที่ทำให้อาชีพนี้ขึ้นมาบนดิน โดยมีกฎหมายรองรับและกำกับ น่าจะแก้ไขปัญหาการล่อลวงเด็กและเยาวชน การค้ามนุษย์ การเรียกรับสินบน ไปจนถึงการลดปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อีกทั้งกลุ่มดังกล่าวยังสนับสนุนเรื่องเซ็กซ์ทอย ในฐานะวัตถุทางการแพทย์ และสนับสนุนการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษาที่เข้าใจและเคารพความแตกต่างของมนุษย์ทุกเพศสภาพ ซึ่งหลายเรื่องตรงกันกับที่พรรคก้าวไกลต้องการผลักดัน ทั้งเรื่องการเสนอญัตติเกี่ยวกับการศึกษาภาพยนต์และของเล่นผู้ใหญ่ และการยกร่าง พ.ร.บ.การค้าประเวณีและคุ้มครองผู้ให้บริการฯ “แทนที่จะรัฐบาลและผู้บังคับใช้กฎหมายจะแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศในสังคมอย่างเข้าใจและเป็นระบบ แต่กลับเลือกไม่ยอมรับความเป็นจริง พยายามทำให้ผู้ให้บริการทางเพศไม่มีตัวตน เป็นผู้ผิดต่อกฎหมาย เป็นความเสื่อมโทรมของสังคม จะยิ่งนำไปสู่ช่องทางที่ลงใต้ดินมากยิ่งขึ้น ยากต่อการควบคุม เป็นช่องทางในการเรียกรับผลประโยชน์ และท้ายสุดปัญหาการข่มขืนกระทำเราหรือการล่วงละเมิดทางเพศก็ไม่ได้ลดลงแต่ประการใด ท่านอาจหยุดยั้งศีลธรรมบางอย่างที่ท่านเชื่อเช่นนั้นในระยะเวลาหนึ่งได้ แต่ไม่อาจหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาได้” นายณัฐวุฒิกล่าว .- สำนักข่าวไทย