กทม.14 พ.ค.- 70 องค์กร เรียกร้อง รมว.ศธ.แก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศในโรงเรียน ชงออกมาตรการเร่งด่วนทำโรงเรียนให้ปลอดภัย ตั้งกลไกอิสระรับเรื่องร้องเรียน หากพบครูล่วงละเมิดเด็กต้องถอนใบประกอบวิชาชีพ
เครือข่ายยุติความรุนแรงทางเพศในโรงเรียน ประกอบด้วยองค์กรด้านการคุ้มครองเด็ก ผู้หญิงและการศึกษา กว่า70 องค์กร ออกมารณรงค์เรียกร้องถึงนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ผ่านเว็บไซต์ change.org ให้ดำเนินมาตรการแก้ไขและป้องกันปัญหาความรุนแรงทางเพศในโรงเรียนอย่างเร่งด่วน สืบเนื่องจากกรณีนักเรียนหญิงวัย 14 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.มุกดาหารถูกครูในโรงเรียน 5 คน และพวกอีก 2 คนล่วงละเมิดทางเพศนานนับปี จนมีการแจ้งความดำเนินคดีไปเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
น.ส.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ หนึ่งในองค์กรที่ร่วมเรียกร้องครั้งนี้ กล่าวว่า เหตุการณ์ครูล่วงละเมิดทางเพศนักเรียนเป็นข่าวสะเทือนสังคม มิหนำซ้ำเมื่อข่าวมีการเผยแพร่ กลับมีครูในโรงเรียนและบุคคลอื่น ที่อ้างตัวเป็นครูออกมาแสดงความเห็นผ่านสื่อโซเชียลในลักษณะให้กำลังใจครูที่ตกเป็นผู้ต้องหา และประณามนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ ทำให้สังคมตั้งคำถามกับบุคลากรในระบบการศึกษาของไทย ว่ามีจิตสำนึกความเป็นครู สำนึกเรื่องการคุ้มครองเด็ก ความเสมอภาคระหว่างเพศ และมีความละเอียดอ่อนต่อสภาพปัญหาของเด็กที่เป็นกลุ่มเปราะบางทางสังคมมากน้อยเพียงใด รวมทั้งมองว่าที่ผ่านมากระทรวงศึกษาฯ เองก็ไม่มีมาตรการแก้ไขและปัองกันปัญหาครูล่วงละเมิดทางเพศเด็กอย่างจริงจังจนเกิดเป็นปัญหาซ้ำซาก
“ที่ผ่านมากระทรวงศึกษาฯยังทำงานแบบตั้งรับ คอยรับเรื่องร้องเรียนหลังเกิดเหตุ และการล่วงละเมิดที่เคยเกิดขึ้นหลายๆ กรณี กระทรวงก็ไม่มีการเอาผิดและลงโทษครูที่กระทำผิดอย่างจริงจัง รวมทั้งไม่มีนโยบายแก้ไขที่รากเหง้าของปัญหา ความรุนแรงทางเพศที่บุคลากรทางการศึกษากระทำกับเด็กจึงเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า” น.ส.วราภรณ์ กล่าว
น.ส.ทัศนวรรณ บรรจง ผู้อำนวยการมูลนิธิการศึกษาเพื่อสร้างพลเมืองไท กล่าวว่า กระทรวงศึกษาฯ ต้องมีนโยบายและมาตรการในการแก้ปัญหาระยะยาวอย่างรอบด้าน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำความรุนแรงทางเพศต่อนักเรียนขึ้นอีกในอนาคต โดยเฉพาะการให้การศึกษากับครูและผู้บริหารโรงเรียนทุกแห่งให้เข้าใจเรื่องหลักการคุ้มครองสิทธิเด็ก เข้าใจว่าอะไรคือความรุนแรงทางเพศ มีความละเอียดอ่อนต่อเด็กที่มีความเปราะบางทางสังคม ซึ่งปัจจุบันเด็กเหล่านี้มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น โรงเรียนจึงต้องเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กด้วย
“กระทรวงศึกษาฯ ต้องทำให้โรงเรียน สถานศึกษาอื่นๆ ทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งของรัฐ เอกชน เป็นสถานที่ที่มีความปลอดภัยสำหรับเด็กเยาวชน ไม่ใช่สถานที่ที่เด็กเข้าไปแล้วต้องไปเสี่ยงจะถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือใช้ความรุนแรง” น.ส.ทัศนวรรณ กล่าว
สำหรับข้อเรียกร้องของเครือข่ายยุติความรุนแรงทางเพศในโรงเรียนที่เผย แพร่ผ่านเว็บไซต์ change.org เน้นให้กระทรวงศึกษาฯ ต้องดำเนินการดังนี้
1. มีนโยบายและมาตรการเชิงรุกที่รอบด้านในการแก้ไขและป้องกันปัญหาความรุนแรงทางเพศในโรงเรียน
2.จัดตั้งกลไกระดับกระทรวงเพื่อรับเรื่องร้องเรียนกรณีความรุนแรงทางเพศ โดยกลไกดังกล่าวต้องมีกระบวนการทำงานที่เป็นอิสระจากอิทธิพลต่างๆ มีผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิเด็กและการแก้ปัญหาความรุนแรงทางเพศจากภายนอกเข้าร่วม และต้องประชาสัมพันธ์นักเรียนและผู้ปกครองรับรู้และเข้าถึงกลไกนี้ได้อย่างกว้างขวาง
3.ให้การศึกษาแก่ครูและผู้บริหารโรงเรียนทั่วประเทศเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพของเด็ก ความเสมอภาคระหว่างเพศ และให้มีแนวปฏิบัติเพื่อทำให้โรงเรียนทุกแห่งเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากความรุนแรงทางเพศ
4.กรณีที่มีการล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน กระทรวงศึกษาฯต้องร่วมเป็นเจ้าทุกข์ในการดำเนินคดีอาญา ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพนักเรียนในปกครอง รวมทั้งต้องให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย และการเยียวยาเด็กและครอบครัวด้วย
5.ในกรณีที่พบว่าบุคลากรทางการศึกษามีการกระทำผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียน ต้องมีการลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด ถอนใบประกอบวิชาชีพครู และหากบุคคลที่กระทำผิดยังคงทำงานในหน่วยงานด้านการศึกษา กระทรวงฯ ต้องไม่อนุญาตให้บุคคลดังกล่าวปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนโดยตรงอย่างเด็ดขาด .-สำนักข่าวไทย