ทำเนียบรัฐบาล 18 ส.ค.-ศบค.ผุดไอเดียที่ทำงานทำ “คอมพานี ไอโซเลชั่น” กักตัวพนักงานติดเชื้อ ลดการติดเชื้อ ด้านสธ.เสนอต้องป้องกันแบบครอบจักรวาล ปรับการดำรงชีวิตวิถีใหม่ มองทุกคนว่าติดเชื้อ
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ที่ประชุมศบค.ชุดเล็กวิเคราะห์ข้อมูล พบการติดเชื้อในสถานที่ทำงาน ทำให้ต้องเร่งค้นหาการติดเชื้อในชุมชน เพื่อลดอัตราการตายและการป่วยหนัก จึงมีแนวคิดทำคอมพานี ไอโซเลชั่นหรือแยกกักในสถานที่ทำงานที่มีความพร้อม หลักการจะเหมือนกับคอมมูนิตี้ ไอโซเลชั่นหรือศูนย์พักคอยในชุมชน แต่เปลี่ยนมาเป็นการจัดการในบริษัท ในสถานที่ทำงาน โดยต้องหาที่พักให้กับผู้ติดเชื้อ ที่สำคัญชุมชนโดยรอบต้องยอมรับ และจะมีโรงพยาบาลพี่เลี้ยงคอยให้การสนับสนุน ทั้งนี้ ขอให้บริษัทต่าง ๆ ที่มีความพร้อมเตรียมการไว้ตั้งแต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า ที่ประชุมศปก.ศบค.หารือเรื่อง Universal Pervention for COVID-19 หรือ เรียกว่าการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล สิ่งสำคัญเราจะต้องเข้าใจว่าตอนนี้รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลายกรณี เราไม่สามารถค้นหาว่าผู้ติดเชื้อได้รับเชื้อมาจากใคร จากไหนและพบว่าการแพร่กระจายเชื้อเป็นไปอย่างกว้างขวางทั้งในชุมชนและครอบครัว กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอแนวความคิดการป้องกัน การติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล โดยประเด็นสำคัญเราต้องอยู่กับโรคโควิด-19 ให้ได้ เพราะโรคนี้จะอยู่กับประเทศไทยและโลกไปอีกระยะหนึ่ง
“เราจะต้องปรับสมดุลการดำรงค์ชีวิตวิถีใหม่ให้อยู่ได้ โดยนพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศบค. เสนอแนวคิดว่าขอให้เราทุกคนคิดเสมอว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา ไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนอาจเป็นผู้ติดเชื้อโควิด เขาอาจจะเป็นคนที่นำเชื้อมาแพร่หรืออาจจะเรานี่เองที่เป็นผู้ติดเชื้อแล้วไปแพร่ให้กับเขาได้” พญ.อภิสมัย กล่าว
ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับหลักการปฏิบัติคือพยายามออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จนกว่าสถานการณ์ โควิด-19 จะลดความรุนแรงลง รักษาสุขอนามัยส่วนตัว การเว้นระยะห่างจากคนอื่น 1-2 เมตรในทุกสถานที่ สวมหน้ากากอนามัยแล้วทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ ทำความสะอาดจุดสัมผัสจุดเสี่ยง และถ้าเป็นผู้มีอายุเกิน 60 ปี มีกลุ่มโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสสัมผัสและเป็นผู้ติดเชื้อ ซึ่งจะความรุนแรง
“การอยู่ร่วมกันในสถานที่ทำงาน สถานประกอบการ ในครอบครัว ในหอพัก ขอให้แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด ไม่สามารถนั่งรวมกลุ่มรับประทานอาหารในที่ทำงานอีกระยะหนึ่ง ดูแลบุคลากรในสถานที่ทำงาน ขอให้ทุกสถานประกอบการถือเป็นข้อปฏิบัติที่จะค้นหาผู้ติดเชื้อ คัดกรองผู้มีความเสี่ยง ให้ถือเป็นมาตรการประจำของสถานประกอบการ เมื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโดยให้ได้รับการตรวจ ATK หากยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อ ต้องแยกกักตัว และนำพาผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาให้ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด จะทำให้ลดอัตราการแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นในสถานประกอบการนั้นได้” พญ.อภิสมัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย