ทำเนียบรัฐบาล 13 ส.ค.- “หมอระวี”เดินสายร้อง “นายกฯ-ดีอีเอส” สั่งยกเลิก ประมูลดาวเทียมไทยคม หวั่นถูกต่างชาติล้วงความลับ เผย สัปดาห์หน้าเตรียมบุก กสทช.
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลยกเลิกการประมูลให้ใช้วงโคจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุด ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยมี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับแทน
นพ.ระวี กล่าวว่า เนื่องจาก กสทช.ได้กำหนดให้มีการประมูลสำหรับการอนุญาตให้ใช้สิทธิในการใช้วงจรดาวเทียมในลักษณะจัดชุดรวม 4 Package ในครั้งนี้รวมคลื่นที่เกี่ยวกับความถี่ทางการทหาร ไม่ว่าจะเป็น L band หรือ X band เข้าไปด้วย ซึ่งในอนาคตจะกลับไปเหมือนกับที่ผ่านมา ที่การทางทหารใช้คลื่นความถี่ทางดาวเทียม ที่บริษัทไทยคมเป็นผู้ดูแล ที่ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ (พีทีอี) จำกัด ของประเทศสิงคโปร์ เพราะฉะนั้นความลับทางการทหารสามารถถูกล้วงไปได้ ถึงตอนนี้ผ่านมาหลาย 10 ปีแล้ว มีโอกาสจะกลับมาเป็นของประเทศไทย ซึ่งหากตอนนี้มีการประมูลคลื่นความถี่ดาวเทียมโดย กสทช.ต่อไป จะมีบริษัทแห่งเดียวที่จะประมูลได้ คือ บริษัท ทีซี สเปซ คอนเน็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ถือหุ้น 100% ดังนั้น ในสัปดาห์หน้า ตนจะไปยื่นคัดค้านเรื่องนี้ กสทช.ด้วย
ด้านนายเสกสกล ระบุว่า เจตนารมย์ของ นพ.ระวี คือต้องการรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนในการที่จะนำคลื่นความถี่กลับมาเป็นของประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็ได้ทราบความสำคัญในการครอบครองดาวเทียมเพื่อสร้างประโยชน์ให้ประชาชนเป็นอย่างดี และไม่ต้องการให้ประเทศเสียเปรียบ ตนจะนำเรื่องนี้แจ้งต่อ นายกรัฐมนตรี, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,กสทช. เพื่อให้พิจารณาหาทางแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จากนั้น นพ.ระวี ยังได้ไปยื่นหนังสือ ต่อ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ด้วย โดยนายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนทราบถึงความวิตกกังวลในเรื่องการประมูลดาวเทียมครั้งนี้ ซึ่งตนได้ทำหนังสือไปถึง กสทช.มาแล้ว แต่ทาง กสทช.ก็แจ้งว่า เป็นอำนาจหน้าที่ในการจัดประมูล หลังจากนี้ ตนจะตั้งทีมงานของกระทรวงฯขึ้นเพื่อศึกษาในเรื่องนี้ และจะเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้ข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป.-สำนักข่าวไทย
