ศบค.ประกาศ “ล็อกดาวน์” พื้นที่สีแดงเข้ม

ทำเนียบ 9 ก.ค.-ศบค.ประกาศ “ล็อกดาวน์” พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เห็นชอบขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน ถึง 30 ก.ย. นี้ ขณะที่นายกฯ งดรับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อให้นำไปใช้จ่ายในการดูแลสถานการณ์โควิด-19

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพทยระบาดโรค โควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ยกระดับมาตรการเข้มข้น “ล็อกดาวน์” ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด มีผลตั้งแต่ 12 ก.ค. จำกัดการเคลื่อนย้าย ลดการรวมกลุ่มบุคคล และเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันและควบคุมโรค การคัดกรอง การรักษาพยาบาล การฉีดวัคซีน รวมทั้งกำหนดเยียวยาสำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์


โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. สั่งการประชุมเร่งด่วนเพื่อตัดสินใจร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและแก้ไขสถานการณ์เป้าหมาย คือ ประคับประคองเศรษฐกิจแสะสุขภาพประชาชน วันนี้ ศบค. ยกระดับมาตรการเข้มข้น ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้างขณะนี้ โดย “ล็อกดาวน์” พื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยปฏิบัติมาก่อนในช่วงเดือนเมษายน 2563 ทั้งการจำกัดการเคลื่อนย้าย การรวมกลุ่ม มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ ร่วมกันกำหนดมาตรการเยียวยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงมาตรการที่ออกมา คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ

นายกรัฐมนตรี ยังได้ติดตามการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ภาพรวม ทุกหน่วยงานต้องรับผิดชอบในส่วนการทำงานของตน เชื่อมโยงการดำเนินงานให้ครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง ทั้งการสุ่มตรวจและการตรวจเชิงรุก การคัดกรองโรค เพื่อจัดระดับความรุนแรงของโรค ซึ่งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดหาสถานที่/จุดตรวจคัดกรอง ให้ครบทุกเขตพื้นที่ เพื่อประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรอง ลดการรอคอย สำหรับการบริหารเตียงยกระดับเตียงผู้ป่วยใน รพ. สนาม เพิ่มขีดความสามารถให้รองรับผู้ป่วยระดับอาการสีส้ม สีแดง ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อจัดหาอุปการณ์ทางการแพทย์และยารักษาโรค ขณะเดียวกันจะต้องเดินหน้าบริการฉีดวัคซีนทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ตามแผนการฉีดวัคซีน โดย ศบค. ยังคงแผนกระจายวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมาย บุคคลากรด่านหน้า กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มโรคเสี่ยง ประชาชนพื้นที่เสี่ยงสูง และคลัสเตอร์เสี่ยง


ในการประชุม นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับการสื่อสาร โดยกำชับทุกหน่วยงานต้องติดตามการเผยแพร่ Fake News และข่าวบิดเบือน เพื่อป้องกันการสับสน หากพบความผิดต้องดำเนินการตามหลักฐานและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกัน ทีมสื่อสารต้องเน้นสร้างการรับรู้ โดยให้สธ. ชี้แจงตามอำนาจเฉพาะเรื่อง โดย ศบค. จะเป็นผู้แถลงในภาพรวม ขณะที่ ทีมโฆษกรัฐบาล ขอให้เน้นการประชาสัมพันธ์ที่เข้าใจง่าย สร้างความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตาม เพื่อสร้างความเข้าใจปฏิบัติมาตรการและคำแนะนำของสธ. และ ศบค. ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง เข้มงวดเฝ้าระวังการลับลอบข้ามแดนผิดกฎหมายตลอดแนวชายแดน รวมทั้งให้ทำลายกระบวนการใช้แรงงานต่างด้าวและลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด เมื่อมีการมาตรการ ล็อกดาวน์ มีผลบังคับใช้ ต้องมีชุดเฉพาะกิจ ตั้งด่านตรวจ และสุ่มตรวจสถานประกอบการให้ปฏิบัติมาตรการที่ออกมาอย่างเข้มงวด และให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

พร้อมให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดมาตรการสนับสนุน โดยให้ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน รวมถึงกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล เร่งรัดให้มีการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบการตรวจหาเชื้อ อย่างเพียงพอและให้กระทรวงสาธารณสุขปรับแผนการกระจายวัคซีน และเร่งการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวและโรคเรื้อรัง ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด รวมถึงเร่งรัดการจัดตั้ง ICU สนาม และ รพ.สนาม รวมถึง รพ.สนามชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาลให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และมีจำนวนมากพอ

ขณะที่กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล เร่งรัดนำระบบการแยกกัก แบบการแยกกักที่บ้าน (HI : Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (CI : Community Isolation) รวมทั้งการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลัก ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร เป็นต้น มาเสริมเพิ่มมาตรการรักษาพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทดแทนการขาดแคลนเตียงพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ อีกทั้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ในการป้องกันส่วนบุคคล การตรวจหาเชื้อ และการรักษาพยาบาล ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนเน้นมาตรการป้องกันส่วนบุคคลได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย ตามพรก.ฉุกเฉิน และสาธารณสุข ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายแพทย์สาธารณสุขจังวัด ทุกจังหวัด รับผิดชอบกำหนดมาตรการคัดกรองและมาตรการติดตามสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ให้มีความเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ทั้งนี้ “ให้พร้อมดำเนินการตั้งแต่ 10 ก.ค.64 เป็นต้นไป” ตั้งแต่เวลา 06.00 น. โดยอาศัยอำนาจตามข้อกำหนด ฉบับที่ 25


ทั้งนี้ ศบศ. จะเร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้ ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่าง ๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ ซึ่งระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป ระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

นายกรัฐมนตรี ย้ำ ศบค. ไม่เคยหยุดคิด โดยมีการทำงานต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกที่มีการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อู่ฮั่น และมีมาตรการที่สอดคล้องกับสมมุติฐานของการแพร่ระบาด โดยมีการวางแผนและมาตรการล่วงหน้า ตั้งแต่ระดับ ปกติ/ ปานกลาง /รุนแรง /รุนแรงมาก เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การคัดกรอง การรักษา การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งเยียวยาให้ได้มากที่สุด โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละส่วนให้ปฏิบัติงานอย่างรับผิดชอบด้วย ซึ่งหลังจากประกาศใช้ไประยะเวลา 14 วันหลังจากนั้น ศบค. จะประเมินมาตรการทั้งหมดนี้ อีกครั้ง

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลดูแลคนไทยทุกคนรวมทั้งคนต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ให้สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งประเทศ เพราะ ทุกคน คือ ทีมประเทศไทย ขณะที่นายกฯ ประกาศงดรับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์ สิ่งของจำเป็นด้วย ฝากประชาชนทุกคน ยึดมาตรการส่วนบุคคล โดยการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข DMHTT ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : ส่องทิศทางแห่งอำนาจ “รัฐบาลทรัมป์ 2.0”

รายงานพิเศษวันนี้ไปติดตามสิ่งที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัญญาหาเสียงเอาไว้ ที่จะทำให้พอเห็นทิศทางการครองอำนาจของเขา โดยมีหลายอย่างที่จะสร้างความสั่นสะเทือนอย่างมาก

พาชมเรือใบอิตาลีจอดเทียบท่าภูเก็ต

เมื่อ 2 วันก่อน สำนักข่าวไทยเก็บภาพของเรืออเมริโกเวส ปุชชี่ ขณะกำลังจะเข้าจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตให้ได้ชมไปแล้ว วันนี้คุณเพลินพิศ ชูเสน จะพาไปทำความรู้จักเรือลำนี้ให้มากขึ้นพร้อมกับพาไปเยี่ยมชมภายในตัวเรือ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS

“แพทองธาร” นายกฯ เผยผลสำเร็จร่วมประชุมเวทีอนุภูมิภาค GMS ACMECS ขับเคลื่อนความร่วมมือสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความกินดีอยู่ดีของประชาชนในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ