แผนจัดการน้ำ 20 ปี ได้รับประโยชน์กว่า 2 ล้านครัวเรือน

ทำเนียบ 25 พ.ค.-ครม. รับทราบผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของรัฐบาลภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 2 ล้านครัวเรือน


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของรัฐบาลภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580)  โดยดำเนินการไปแล้ว จำนวน 125,162 โครงการ วงเงินงบประมาณ 314,182 ล้านบาท มีแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น 1,138 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนได้รับประโยชน์ 2,274,737 ครัวเรือน โดยเป็นการดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี  6 ด้าน คือ การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค , การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต  เพื่อจัดหาน้ำต้นทุน ลดความเสี่ยงจากภัยด้านน้ำลง 50% เพิ่มพื้นที่ชลประทาน 18 ล้านไร่ พัฒนาบ่อบาดาลเพื่อการเกษตร การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย จัดทำผังน้ำทุกลุ่มน้ำ ขุดลอกลำน้ำ 6,271 กิโลเมตร ปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำ แก้มลิง เป็นต้น ,การจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ พัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย 741 แห่ง ,การอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมและป้องกันการพังทลายของดิน เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำที่เสื่อมสภาพ 3.52 ล้านไร่ และป้องกันการชะล้างพังทลายของดินในพื้นที่ต้นน้ำและพื้นที่เกษตรลาดชัน 21.45 ล้านไร่ และการบริหารจัดการ โดยการปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ. ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561  และจัดทำกฎหมายลำดับรอง 12 ฉบับ

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กระดับชุมชน ปัจจุบันมีแหล่งน้ำขนาดเล็กจำนวน 140,000 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศ  และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดูแลรักษา พัฒนาและบริหารจัดการแหล่งน้ำชุมชนของตนเองได้


ส่วนผลการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ตั้งแต่ปี 2559 คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้เห็นชอบต่อแผนงานโครงการดังกล่าว รวมจำนวน 38 โครงการ ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 629 ล้าน ลูกบาศก์เมตร เพิ่มพื้นที่ได้รับประโยชน์ได้ 1.4 ล้านไร่ มีครัวเรือนได้รับประโยชน์ 312,612 ครัวเรือน  แบ่งเป็นโครงการที่ได้รับงบประมาณแล้วจำนวน 23 โครงการ ครม.เห็นชอบแล้วและอยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 11 โครงการ และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี จำนวน 4 โครงการ

นายอนุชา กล่าวว่า สทนช. กำหนดเป้าหมายต่อไป คือ ขับเคลื่อนโครงการขนาดเล็กและการจัดการแหล่งน้ำระดับชุมชน โดยมีเป้าหมายพื้นที่เกษตรน้ำฝนจำนวน 14.68 ล้านไร่ ประกอบด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพระบบประปาหมู่บ้าน การเติมน้ำใต้ดิน การพัฒนาแหล่งเก็บน้ำขนาดเล็ก การฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ ขุดเจาะบ่อบาดาล ทำแก้มลิง รวมทั้งการขับเคลื่อนแผนงานโครงการสำคัญและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริภายในปี  2566  รวม 526 โครงการ ประกอบด้วยโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 151 โครงการ  โครงการขนาดใหญ่จำนวน 106 โครงการ และกลุ่มโครงการสำคัญที่สอดคล้องตามนโยบายการแก้ไขปัญหาด้านน้ำ รวม 269 โครงการ  ซึ่งหากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ 3,172 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์เพิ่ม 6.5 ล้านไร่  และผันน้ำได้ปริมาณน้ำเพิ่ม 3,841 ล้าน ลูกบาศก์เมตร รวมทั้งการป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ได้เพิ่ม 4.3 ล้านไร่.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย