ทำเนียบรัฐบาล 18 พ.ค. – ครม. รับทราบผลสำรวจความคิด พบ ประชาชนพอใจมาตรการเยียวยาโควิด-19ในระดับมาก-มากที่สุดร้อยละ 81.2 เสนอแนะควรให้เป็นเงินสด ส่วนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ประชาชนมีความพึงพอใจร้อยละ 66.3
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)รับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐจากสถานการณ์โควิด-19ปี 2564 ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และโครงการม.33 เรารักกัน และการดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 9,000 คน ระหว่างวันที่ 8-15 มีนาคม 2564
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนร้อยละ 99.7 รับทราบมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐ โดยประชาชนมีความพึงพอใจโดยรวมต่อมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐในระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 81.2 พอใจปานกลางร้อยละ15.9 พอใจน้อยถึงน้อยที่สุดร้อยละ 2.3 และไม่พึงพอใจร้อยละ 0.6
น.ส.ไตรศุลี ระบุว่า เมื่อแยกเป็นรายโครงการพบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจโครงการเราเที่ยวด้วยกันระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 59.9 พึงพอใจระดับมากถึงมากที่สุดโครงการคนละครึ่งร้อยละ 82.7 โครงการเราชนะร้อยละ 86.7 และม.33 เรารักกันร้อยละ 67.8 และยังมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมสำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน 3 อันดับแรกดังนี้คือ ควรให้สิทธิแก่ทุกคนโดยไม่ต้องลงทะเบียน,ควรขยายระยะเวลาใช้บริการ และควรให้เป็นเงินสดเพื่อนำไปใช้บริการ ส่วนโครงการคนละครึ่ง เราชนะ และม.33 เรารักกัน ประชาชนมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดังนี้คือ ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิเยียวยา, ควรเพิ่มวงเงิน และควรให้เป็นเงินสด
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สำหรับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐที่ประชาชนต้องการให้ดำเนินการต่อไปมากที่สุดคือ โครงการเราชนะร้อยละ 62.9 โครงการคนละครึ่งร้อยละ 26.3 โครงการม.33 เรารักกันร้อยละ 6.1 โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 1.7 และโครงการเราเที่ยวด้วยกันร้อยละ 0.6 ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐพบว่า ประชาชนร้อยละ 60.7 มีความพร้อม ร้อยละ 39.3 ไม่พร้อม ให้เหตุผลว่า ไม่มั่นใจในความปลอดภัย กลัวฉีดแล้วมีอาการแพ้ และต้องการดูผลที่เกิดขึ้นจากการฉีดของคนอื่นก่อน อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐในระดับมากถึงมากที่สุดร้อยละ 66.3
น.ส.ไตรศุลี กล่าวอีกว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย คือ ควรเพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง เช่น ควรเพิ่มวงเงินมากกว่าประชาชนกลุ่มอื่น, ควรให้ทุกคนได้รับสิทธิในการเยียวยา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบกับประชาชนทุกคนและทุกระดับ และขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือไม่ควรยุ่งยากและซับซ้อน เช่น การให้เป็นเงินสดโดยไม่ต้องลงทะเบียน และควรส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกพื้นที่ในราคาย่อมเยา รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น ลดราคาสินค้าสำหรับผู้ที่ซื้อสินค้าและบริการออนไลน์.-สำนักข่าวไทย