สถานการณ์ยังวางใจไม่ได้ การ์ดอย่าตก

ทำเนียบรัฐบาล 22 เม.ย.-ศบค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,470 ราย เสียชีวิต 7 คน ขณะที่ กทม.วันนี้ยอดยังพุ่ง 446 ราย หลายพื้นที่ยังวางใจไม่ได้ ย้ำไม่ประมาท การ์ดอย่าตก


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ วันนี้(22 เม.ย.) ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1,470 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 1,470 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 1,370 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 100 ราย ไม่มีผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศติดเชื้อ

“ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมล่าสุดอยู่ที่ 48,113 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 44,867 ราย ติดเชื้อค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 20,914 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 3,246 ราย สถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 2,617 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 171 ราย รวมเป็น 29,848 ราย กำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 18,148 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่ม 477 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 7 คน โดยยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 117 ราย” โฆษก ศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดผู้เสียชีวิต 7 คน ได้แก่ รายที่ 111 เป็นหญิงไทยอายุ 24 ปี อาชีพ ค้าขาย มีโรคประจำตัว อ้วน เมื่อวันที่ 7 เม.ย.มีประวัติเดินทางไปสถานบันเทิงที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 16 เม.ย. มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ รับการตรวจหาเชื้อ วันที่ 17 เม.ย. พบเชื้อและปอดอักเสบ หายใจเหนื่อย วันที่ 19 เม.ย. ออกซิเจนในเลือดต่ำ ปอดอักเสบรุนแรงและเสียชีวิตในวันที่ 20 เม.ย. เวลา 14.30 น. รายที่ 112 เป็นหญิงไทยอายุ 68 ปี อาชีพดูแลเด็ก ขณะป่วยอยู่ที่จังหวัดสระบุรี มีโรคประจำตัว ภูมิแพ้ โดยวันที่ 5 เม.ย.มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้าวันที่ 12 เม.ย. เริ่มมีอาการไข้ไอ วันที่ 19 เม.ย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมีอาการหายใจลำบากมีเสมหะ ใส่ท่อช่วยหายใจและระบบหายใจล้มเหลว จากนั้นเสียชีวิตในวันที่ 20 เม.ย.

รายที่ 113 เป็นชายไทย อายุ 83 ปี ขณะป่วยอยู่ที่กรุงเทพฯ มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง วันที่ 17 มี.ค.มีไข้สูง ไอแห้ง มีน้ำมูก อ่อนเพลีย วันที่ 22 มี.ค.ไปรักษาที่คลินิกเอกชน วันที่ 23 มี.ค.รับการตรวจคัดกรองเชิงรุกจากหน่วยรถพระราชทาน วันที่ 24 มี.ค.พบเชื้อ วันที่ 25 มี.ค.เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล วันที่ 31 มี.ค.เหนื่อยมากขึ้นใส่ท่อช่วยหายใจ ต่อมาอาการทรุดลงและเสียชีวิตในวันที่ 20 เม.ย.เวลา 12.07 น.” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า รายที่ 114 เป็นหญิงไทยอายุ 80 ปี เป็นผู้ป่วยติดเตียง ขณะป่วยอยู่จังหวัดนครปฐม มีโรคประจำตัวเบาหวาน วันที่ 13 ถึง 15 เม.ย. ญาติเดินทางมาจากกรุงเทพฯมาเยี่ยม วันที่ 16 เม.ย. มีอาการอาเจียนเป็นเลือด ญาตินำส่งโรงพยาบาลตรวจพบเชื้อ โควิด-19 ต่อมาอาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตในวันที่ 17 เม.ย.เวลา 06.30 น. รายที่ 115 เป็นชายไทยอายุ 45 ปี อาชีพพนักงานขับรถ ขณะป่วยอยู่ที่กรุงเทพฯ มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง วันที่ 9 เม.ย. มีอาการไอ ไข้ เหนื่อย พบประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า วันที่ 17 เม.ย. ไข้สูง 40.2 องศา ไอ มีเสมหะ หนาวสั่น กินได้น้อยลง มาตรวจที่โรงพยาบาล รับยากลับบ้านวันที่ 19 เม.ย.เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการหายใจเหนื่อย ค่าออกซิเจนในเลือด 60 ถึง 70% ตรวจพบเชื้อ และปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตวันที่ 20 เม.ย.


รายที่ 116 เป็นชายไทยอายุ 59 ปี อาชีพพนักงานรัฐวิสาหกิจ ขณะป่วยอยู่ที่กรุงเทพฯ มีโรคประจำตัวเบาหวาน มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 14 เม.ย.มีอาการไอวันที่ 20 เม.ย.เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยอาการไอหายใจลำบากใส่ท่อช่วยหายใจและพบเชื้อจากนั้นเสียชีวิตในวันเดียวกัน รายที่ 117 เป็นชายไทยอายุ 86 ปี อาชีพรับจ้าง ขณะป่วยอยู่ที่กรุงเทพฯ มีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ โดยวันที่ 5 เม.ย. มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า วันที่ 16 เม.ย. ตรวจพบเชื้อมีอาการไอแห้ง อ่อนเพลีย วันที่ 18 เม.ย. เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล วันที่ 20 เม.ย. มีอาการหอบ เหนื่อย ไข้สูงค่าออกซิเจนในเลือดต่ำต่อมาอาการแย่ลงและเสียชีวิตในวันที่ 21 เม.ย. ซึ่งผู้ป่วยทั้งหมดมีโรคประจำตัว” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตในระลอกนี้ 23 คน คิดเป็น 0.12% ซึ่งแนวโน้มผู้ติดเชื้อยังไม่น่าไว้วางใจ ต้องไม่ประมาท การ์ดอย่าตก ตัวเลขยังขึ้นมากกว่าพันคนทุกวัน โดยเฉพาะ กทม.ตัวเลขยังแดงอยู่ จาก 350 ราย เป็น 365 ราย วันนี้ (22เม.ย.) เป็น 446 ราย ตัวเลขสะสม 4,775 ราย รองลงมาคือ เชียงใหม่ จากเดิมร้อยมาตลอดหลายวัน เหลือ 99 ราย แต่ยังชะล่าใจไม่ได้ สะสม 2,597 ราย ชลบุรีรายเพิ่มขึ้น 97 ราย นนทบุรี เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจาก 69 ราย เพิ่มเป็น 118 ราย เป็นต้น

สถานการณ์รายวันแม้จังหวัดดูเป็นสีเขียวมากขึ้น คือ มีติดเชื้อ 1-10 ราย แต่ยังไม่ถือว่าดีขึ้น ถือว่ายังทรงอยู่ ส่วนรายละเอียดผู้ป่วยยืนยันสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่ 1-23 เม.ย. 2564 อยู่ที่ 19,250 ราย ติดเชื้อภายในประเทศ 14,249 ราย ค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 4,852 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศ 149 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 23 ราย

“สำหรับจำนวนผู้ที่เข้ารับวัคซีนในประเทศไทย เข็มที่ 1 เมื่อวานนี้ (21เม.ย.) 141,670 ราย รวม เข็มที่1 746,617 ราย ส่วนเข็มที่ 2 เมื่อวานี้ (21 เม.ย.) 10,560 ราย รวม 118,223 ราย ทั้งนี้มีจำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-21 เม.ย. 2564 (53 วัน) 864,840 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด” โฆษก ศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก วันนี้(22 เม.ย.) ยอดผู้ติดเชื้อรวม 144,431,869 ราย อาการรุนแรง 109,845 ราย รักษาหายแล้ว 122,606,237 ราย เสียชีวิต 3,071,625 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1. สหรัฐอเมริกา จำนวน 32,602,051 ราย 2. อินเดีย จำนวน 15,924,806 ราย 3. บราซิล จำนวน 14,122,795 ราย 4. ฝรั่งเศส จำนวน 5,374,288 ราย 5. รัสเซีย จำนวน 4,727,125 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 105.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]