บสย.เร่งยอดค้ำฯ จัด “มาตรการพิเศษ” 5,000 ล้าน ช่วยกลุ่มเปราะบาง

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – บสย. เผยครึ่งปีแรก 68 ช่วย SMEs รายย่อย ได้เงินกู้กว่า 2 หมื่นราย เร่งยอดค้ำฯ จัด “มาตรการพิเศษ” 5,000 ล้าน ช่วย “กลุ่มเปราะบาง” กระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง


บสย.เผยยอดค้ำประกันสินเชื่อครึ่งปีแรก 2568 รวม 19,481 ล้านบาท ช่วย SMEs รายย่อย เข้าถึงสินเชื่อ 21,348 ราย ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกว่า 80,000 ล้านบาท ชู ไฮไลท์ “บสย. พร้อมค้ำ” กับ “มาตรการพิเศษ 5,000 ล้าน” ส่ง 2 โครงการค้ำประกันช่วยกลุ่มผู้ส่งออกรับมือภาษีทรัมป์ และ “กลุ่มเปราะบาง” รายย่อย พร้อมเพิ่มโอกาส SMEs เข้าถึงสินเชื่อด้วย “ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน บสย.” พร้อมภารกิจแก้หนี้ ช่วย SMEs ที่ถูกจ่ายเคลม หนี้ลด หมดเร็ว เดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) บสย. มียอดค้ำประกันสินเชื่อ 19,481 ล้านบาท โดยสัดส่วน 51% เป็นโครงการที่ บสย. ดำเนินการเอง (BI 7) และ 49% เป็นโครงการตามมาตรการรัฐ (PGS 11) สามารถช่วย SMEs รายย่อย เข้าถึงสินเชื่อ 21,348 ราย เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย Micro SMEs 81% (ค้ำประกันเฉลี่ย 140,000 บาทต่อราย) และอีก 19% เป็น SMEs ทั่วไป (ค้ำประกันเฉลี่ย 4,250,000 บาทต่อราย) ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 26,359 ล้านบาท รักษาการจ้างงาน 188,572 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 80,455 ล้านบาท


โดยประเภทธุรกิจค้ำประกันสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1. การบริการ 31.4% 2. อาหารและเครื่องดื่ม 10.7% และ 3. เกษตรกรรม 8% ซึ่งทั้ง 3 ประเภทครองสัดส่วนค้ำประกันถึง 50% สะท้อนอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยเฉพาะ 3 กลุ่มอุตสาหกรรม “ท่องเที่ยว-เกษตรและอาหารแปรรูป-medical and wellness” ที่ภาครัฐเดินหน้ากระตุ้นการลงทุนและผลักดันเป็นอุตสาหกรรมอนาคตของประเทศ

สำหรับโครงการค้ำประกัน PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ซึ่งเป็นโครงการหลัก ตั้งแต่เปิดโครงการถึงปัจจุบัน (ก.ค. 2567 – มิ.ย. 2568) มียอดค้ำประกัน 38,009 ล้านบาท สามารถช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อ 48,380 ราย โดยเป็นกลุ่มที่ไม่เคยใช้บริการ บสย. (ลูกค้าใหม่) ถึง 74% และผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Micro SMEs ถึง 86% ตอกย้ำความสำเร็จในการช่วยเหลือ “กลุ่มเปราะบาง” รายย่อย พ่อค้า แม่ค้า อาชีพอิสระ และกลุ่มที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ (กระบะพี่ มีคลังค้ำ) ที่มีปัญหาขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน และขาดคนค้ำประกัน สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้มากขึ้น

ไฮไลท์สำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคม – กันยายน) ภายใต้มาตรการ “บสย พร้อมค้ำ” บสย. ได้ออก “มาตรการพิเศษ” วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท โดยเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Biz วงเงิน 3,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 500,000 – 10,000,000 บาท ตอบโจทย์กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกลุ่มที่ได้ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Biz วงเงิน 2,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 10,000 – 500,000 บาท ตอบโจทย์กลุ่มรายย่อย (Micro SMEs) พ่อค้า แม่ค้า ค้าขายออนไลน์ อาชีพอิสระ ฯลฯ ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่ขาดคนค้ำและขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ โดยทั้ง 2 โครงการมีจุดเด่น คือ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ปีต่อไปชำระต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันสูงสุด 7 ปี มุ่งเสริมสภาพคล่อง และลดภาระทางการเงิน ช่วยให้ SMEs เดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน


โดยเป้าหมายทั้ง 2 โครงการ มุ่งกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อในรายที่ต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติม แต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกันด้วยการจ่ายเคลม (จ่ายค่าประกันชดเชย) สูงถึง 37% (SMEs Power Trade & Biz) และ 42% (SMEs Micro Biz) ต่อพอร์ตการค้ำประกันเมื่อเทียบกับการค้ำประกันปกติที่ระยะเวลา 10 ปี โดยมาพร้อมมาตรการแก้หนี้ “บสย. พร้อมช่วย” เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม ซึ่งถือเป็นการดูบซับความเสี่ยงด้าน Credit Cost ให้กับ SMEs รายย่อย สนับสนุนให้สถาบันการเงินเชื่อมั่นในการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มให้กับ SMEs รายย่อยมากยิ่งขึ้น

ตลอดครึ่งปีแรก บสย. ประสบผลสำเร็จในการแก้หนี้ให้ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม โดยตั้งแต่ออก มาตรการ “บสย. พร้อมช่วย” ในปี 2565 จนถึง 30 มิถุนายน 2568 สามารถปรับโครงสร้างหนี้ 20,904 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสมรวม 13,414 ล้านบาท เฉพาะครึ่งปีแรก สามารถปรับโครงสร้างหนี้ 2,415 ราย ในจำนวนนี้เป็น “กลุ่มเปราะบาง” ยอดจ่ายเคลมไม่เกิน 2 แสนบาท 1,676 ราย คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 1,542 ล้านบาท และสามารถช่วยลูกหนี้ “ปลดหนี้” ปิดบัญชีได้สำเร็จ 12% ของจำนวนรายที่ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งหมด ปัจจัยความสำเร็จมาจากเงื่อนไขที่ผ่อนปรน ด้วยการยืดหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมให้ยาวสูงสุด 7 ปี การตัดเงินต้นก่อนดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ย 0% โดยปลดหนี้ ลดเงินต้นให้สูงสุด 30% พร้อม “ยกดอกเบี้ย” ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยให้ลูกหนี้สามารถ “อยู่รอด อยู่ได้” และ “ปลดหนี้” ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ช่วยต่อลมหายใจให้ธุรกิจ และทำให้ลูกหนี้มีกำลังใจ กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง

บสย. ยังมุ่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถของ SMEs ในประเทศไทย ผ่าน “ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs” (บสย. F.A. Center) พร้อมให้คำปรึกษาด้านการเงิน ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย จัดอบรมให้ความรู้ด้านต่างๆ ตลอดจนให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจ การแก้ปัญหาหนี้ และเตรียมความพร้อมในการขอสินเชื่อ โดยตลอดปีนี้ บสย. ได้เดินหน้ายกระดับสำนักงานเขตทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ (Branch Reformat) ก้าวสู่ “ศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs” เพื่อเพิ่มศักยภาพในการช่วยเหลือ SMEs ให้เข้าถึงสินเชื่อพร้อมการค้ำประกัน โดยตั้งแต่เปิดดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2563 -30 มิถุนายน 2568 บสย. ประสบความสำเร็จในการให้ความรู้ทางการเงินแก่ SMEs ทะลุ 50,000 ราย สามารถช่วย SMEs ที่เข้ามารับการปรึกษาให้เข้าถึงสินเชื่อในระบบ คิดเป็น 14.66% (Success rate) ร่วมกับการให้บริการผ่าน LINE OA : @tcgfirst เพิ่มความสะดวกให้ SMEs เข้ามาตรวจสุขภาพทางการเงิน พร้อมจองคิวขอรับคำปรึกษา และลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการต่างๆ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ บสย. สามารถเข้าถึงผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศได้มากยิ่งขึ้น.-515- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตร.เร่งขยายผลปมอธิการบดี ม.ดัง ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น

สน.บางซื่อ 12 ก.ย. – อธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลายเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ถูกหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงินกว่า 38 ล้านบาท ตำรวจนครบาลเร่งสอบสวน อายัดเงินทันกว่า 3 ล้านบาท ขยายผลโยงบัญชีม้ากว่า 20 บัญชี จากกรณีอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ถูกเครือข่ายมิจฉาชีพหลอกลงทุน เสียหายกว่า 38 ล้านบาท พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 และ พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาร่วมสอบปากคำผู้เสียหายด้วยตัวเอง ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ต.ต.พัลลภ เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว พนักงานธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติการถอนเงินจากบัญชีผู้เสียหาย แล้วโอนเงินไปยังบัญชีอื่น 3 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีนิติบุคคล หรือบริษัท เป็นจำนวนเงินกว่า 1 ล้าน 9 แสนบาท จึงได้อายัดไว้ก่อนและติดต่อจากศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบไปยังผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้เอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น พร้อมให้ผู้เสียหายตรวจสอบว่า เงินที่โอนไปลงทุนนั้นสามารถถอนออกจากบัญชีในระบบบริษัทได้หรือไม่ ปรากฏว่าผู้เสียหายไม่สามารถถอนเงินได้ เจ้าหน้าที่จึงแน่ใจว่าถูกเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง […]

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

“รมต.สุชาติ​” ตั้งสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน-​สีกา

ทำเนียบ 12 ก.ย.- “รมต.สุชาติ​” ตั้งคณะกรรมการสอบ​เจ้าอาวาสวัดโสธรฯ​ ปม​ทรัพย์สิน​-​สีกา​ หลังถูกร้องสะพัดว่อนโซเชียล​ คาด​ไม่เกิน​ 1 สัปดาห์รู้ผล​ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นายสุชาติ​ ตันเจริญ​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเปิดเผยว่า​ มีข้อร้องเรียน ถึงพฤติกรรมของเจ้าอาวาส วัดโสธรวรารามวรวิหาร เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย อีกทั้งยังมีข้อมูลเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่ โดยการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกา ซึ่งเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัด และเป็นพระสังฆาธิการด้วย ดังนั้นจึงต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งกับผู้ร้องและประชาชน รวมถึงตัวเจ้าอาวาสด้วย เพราะหากไม่เป็นความจริงจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ตนจึงได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นประธาน​ ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏ​ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูง​ รวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ​ และให้ผู้ตรวจของสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าไปเป็นคณะกรรมการด้วย เพราะไม่ทราบว่าในโลกออนไลน์พูดเพื่อความสนุกสนานหรือไม่ แต่ยอมรับว่าตนก็ได้ยินเรื่องนี้มานาน มีเค้าโครง​ ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ผู้ร้องสบายใจ​ แต่หากเจ้าอาวาสทำผิดก็ต้องแบบว่าไปตามระเบียบกฎหมาย และต้องแจ้งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่าวางกรอบระยะเวลาการตรวจสอบไว้เท่าใด นายสุชาติ​ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้วาง แต่คาดว่าไม่น่าจะเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ของตน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ และตนก็เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ประชาชนเลือกมาเป็นผู้แทน […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

ข่าวแนะนำ

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี

เชียงใหม่ 15 ก.ย. – แม่ทัพภาค 2 บรรยายพิเศษที่เชียงใหม่ ปลุกพลังรักชาติของคนไทย ยืนยันปิดด่านชายแดนกัมพูชาเป็นหนึ่งในยุทธวิธี พร้อมให้ข้อมูลแนวหน้าและคำแนะนำกับรัฐบาล ช่วงบ่ายวันนี้ (15 ก.ย.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อม พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมบรรยายพิเศษ บอกเล่า “เรื่องจริงจากชายแดน” ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนชาวเชียงใหม่ และนักศึกษาวิชาทหาร กว่า 2,000 คน รอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับคุณยายที่มารอต้อนรับ พร้อมสวมกอดคุณยายอย่างเป็นกันเอง และยังมอบลายเซ็นลงบนรูปถ่ายของตนที่คุณยายเตรียมมาด้วย พล.ท.บุญสิน ได้กล่าวสดุดีเหล่าทหารกล้าที่เสียสละเพื่อแผ่นดินไทย แสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้สูญเสีย พร้อมประณามการกระทำของทหารกัมพูชาที่โจมตีเข้ามาด้วยอาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย พร้อมเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมฟังบรรยายในวันนี้ว่าขอให้ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลักของชาติ มีความรักชาติหวงแหนในผืนแผนดินไทย จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และช่วยกันทำนุบำรุงศาสนา ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันเป็นพลังให้ประเทศไทยก้าวผ่านหลากหลายความท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบันไปให้ได้ ส่วนการเปิดด่านชายแดน […]

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้

สภาอุตสาหกรรมฯ 15 ก.ย.-“อนุทิน” ย้ำนำรายชื่อ ครม.ทูลเกล้าฯ ภายในสัปดาห์นี้ ปัดตอบใครขาดคุณสมบัติบ้าง แต่ยืนยันนิ่งและครบแล้ว เผยหลังถวายสัตย์ฯ พร้อมแถลงนโยบายต่อสภาทันที เพื่อเดินหน้าทำงานโดยเร็ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมร่างคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จำเป็นจะต้องเชิญพรรคร่วมรัฐบาลหารือด้วยหรือไม่ ว่า ตอนนี้ได้มีการยกร่างคำแถลงขึ้นมาแล้ว และได้ส่งเนื้อหาในส่วนของกระทรวงที่แต่ละคนรับผิดชอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลพิจารณา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติม หรือตัดอะไรที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงนั้นๆ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับเขามากที่สุด จะได้เข้ามาทำงานได้ ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สไตล์คนละพรรคแต่พวกเดียวกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ แต่ไม่ได้ตอบคำถาม เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบประวัติของคณะรัฐมนตรี ขณะนี้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รายงานกลับมาแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใกล้แล้ว เรียกได้ว่ารายชื่อ 100% แล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบประวัติ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติก่อนนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยยืนยันว่าจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายภายในสัปดาห์นี้ ส่วนขั้นตอนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วก็สุดแล้วแต่ท่าน แต่ทันทีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงมาก็จะต้องรอการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ จากนั้นก็จะเร่งแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมร่างแถลงนโยบายต่อสภาไว้แล้ว ทันทีเมื่อพร้อมก็สามารถให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดหมายวันประชุมได้ทันที ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังยืนยันด้วยว่า ขณะนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีครบและนิ่งแล้ว ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า […]