จุดยืนประชาธิปัตย์ ไม่แก้ ม.112

กทม. 20 มี.ค.-“จุรินทร์” ประกาศชัด จุดยืนประชาธิปัตย์ ไม่แก้ ม.112 สั่งทีมกฎหมาย ยกร่างแก้ รธน.รายมาตรา มอง ม.256 เป็นกุญแจดอกใหญ่ ต้องสะเดาะเปิดประตูสู่ประชาธิปไตย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุม ใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า พระโขนง – บางนา ถือเป็นพื้นที่สำคัญทั้งในอดีตปัจจุบัน และในอนาคต แม้ว่าเขตนี้จะไม่มีผู้แทนราษฎรในพื้นที่นี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะศูนย์ตลอดไป ซึ่งอีกไม่นานพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯจะเติบโตก้าวหน้าพัฒนาและเพิ่มเติมจำนวนไปสู่ความสำเร็จอย่างยิ่งในอนาคตอย่างแน่นอน มีสาขาพรรค ทั้งสิ้น 18 สาขา และการเดินหน้าทางการเมืองจะเข้มข้นขึ้น ซึ่งที่ผ่านมางานในพรรคร่วมรัฐบาลจะพิสูจน์ว่าในช่วงเวลา ปีครึ่งโดยประมาณ พิสูจน์ว่าสิ่งไหนที่รับปากไว้สามารถทำงานได้สำเร็จ และเป็นที่ประจักษ์กับประชาชน


ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ แต่ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องการเดินหน้างานของพรรคถัดจากนี้ไป จะเดินหน้าผลักดัน 2 เรื่องคู่ขนานกัน เรื่องแรกคือการผลักดันการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งสองเรื่องคือหัวใจสำคัญที่จะเป็นทิศทางการเดินหน้าในการทำหน้าที่ตัดจากนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเห็นว่าการแก้ไขปัญหาปากท้องคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้สถานการณ์ covid และต้องพาประเทศเดินหน้าต่อไปทำรายได้ให้กับประเทศ เพื่อจุนเจือรากหญ้าในมิติต่างๆ ให้อิ่มท้องขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ระบุว่าการจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญการแก้ไขปัญหาปากท้องคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือการแก้ไขปัญหาในทางการเมือง ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า การเมืองประเทศไทยยังไม่นิ่ง และส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ตราบใดที่ติดหล่มอยู่ในเรื่องการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเมือง ก็จะเป็นอุปสรรคที่คอยล์จุดระเบิดการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างครบถ้วนเต็ม 100% ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นจะพาประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น การเมืองกับเศรษฐกิจจึงต้องคู่ขนานกันไป นี่คือเหตุผล หลายคนอาจไม่เข้าใจ คำตอบคือหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญการเมืองก็จะขยับ และสุดท้ายกรรมจะตกที่ประชาชน ประชาธิปไตยมีความชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาทั้งปากท้องของประชาชนและแก้รัฐธรรมนูญพาประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น พร้อมมองเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือทางออกของประเทศ


ซึ่งนายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการหลังจากที่รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ผ่านวาระ 3 ให้ฝ่ายกฎหมายได้ยกร่างการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพราะเมื่อการตั้งส.ส.ร. ยกร่างทั้งฉบับมีปัญหา ถกเถียงในข้อกฎหมายและแม้แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าสามารถเดินหน้าได้หรือไม่ ตนคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้คือต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา และจะยกร่างอย่างน้อยที่สุดบริเวณที่แก้ไขคือจุดยืนเดิมที่ตนได้ประกาศไว้ตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรคว่าจะต้องแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งเป็นมาตราที่ว่าด้วยวิธีการแก้ไขและเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้แก้ยากมาก โดยระบุเงื่อนไขต่างๆไว้ในมาตรา 256 ที่ระบุว่าเสียงส.ส. ต้องเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.และ ส.ว.รวมกัน และในเสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่งมันต้องมีเสียงของส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 อยู่กับ ส.ว.เป็นเงื่อนไขสำคัญ และเสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ซึ่งหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าวร่างนั้นก็จะตกไป และแม้ว่ารัฐธรรมนูญนั้นจะพังจะต้องมีการทำประชามติหลังจากนั้นจึงนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธย ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขข้อจำกัด เสมือนกุญแจดอกใหญ่ที่ล็อคประตูประชาธิปไตย ตราบใดที่ไม่แก้มาตรา 256 ประตูประชาธิปไตยไม่สามารถที่จะเปิดออกได้ เพื่อทำให้การเมืองนั้นนิ่งได้ในอนาคต รายการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการก่อเหตุทางการเมือง

ส่วนอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ว่า ให้ผู้ที่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภาในช่วง 5 ปีแรกคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เป็นการตั้งคำถามว่าเราจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญย้อนกลับหรือเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตยปกติได้หรือไม่ โดยให้ประชาชนที่เลือกผู้แทนเข้ามา เป็นผู้มีสิทธิ์ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแทนประชาชน โดยไม่รวมส.ว.ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง

นอกจากนี้ ตนยังสั่งการให้ ฝ่ายกฎหมาย แต่ละประเด็นมีการแยกร่างเป็นเรื่องเรื่องไปอย่าเอาหลายประเด็นมามัดรวมกันในแต่ละร่าง ไม่เช่นนั้นในประเด็นนี้เห็นด้วยประเด็นนั้นไม่เห็นด้วยก็จะทำให้ทั้งร่างนั้นตกไปทั้งหมด


ซึ่งนายจุรินทร์ ย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาธิปัตย์ ต้องเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ขีดเส้นใต้ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีเงื่อนไขอยู่ 2-3 เรื่อง ไม่ว่าจะแก้รูปแบบใดต้องไม่แตะหมวด1 และหมวด 2 ในเรื่องรูปแบบของรัฐและ สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีความสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว พร้อมกับระบุว่าเห็นด้วยให้คงมาตรา 112 เนื่องจากมาตรา 112 เป็นมาตราที่ว่าด้วยการให้ความคุ้มครองประมุขของประเทศ ไม่มีประเทศใดไม่มีบทบัญญัติในการคุ้มครองประมุข เช่นเดียวกับประเทศไทยที่จะต้องมีบทบัญญัติในการให้ความคุ้มครองประมุขของประเทศ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ นี่คือจุดยืนที่ชัดเจน

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ยัง ระบุอีกว่า พื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และให้ความสำคัญเสมอไม่มีความเปลี่ยนแปลง พร้อมกับต้องเดินหน้าพิสูจน์ให้คนกรุงเทพฯเห็นว่าพร้อมที่จะกลับมารับใช้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยหากมีการเลือกตั้งมีการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร เตรียมครบแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ยังขาดอีกเพียงไม่กี่เขต ไม่ใช่ไม่มีคน แต่ละเขตมีมากกว่า 1 คน ต้องหาว่าสุดท้ายใครเป็นผู้เหมาะที่สุด การผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเรื่องละเอียดอ่อนตนไม่ขอกล่าวตอนนี้โดยมอบให้ทีมกรุงเทพฯได้เป็นผู้รับไปพิจารณาดำเนินการ โดยหากมีความคืบหน้าจะเรียกประชุมเพื่อขอตัวบุคคลในการลงรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป โดยหลังจากนี้จะมีการลงพื้นที่กรุงเทพฯเข้มข้นขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]