กทม. 20 มี.ค.-“จุรินทร์” ประกาศชัด จุดยืนประชาธิปัตย์ ไม่แก้ ม.112 สั่งทีมกฎหมาย ยกร่างแก้ รธน.รายมาตรา มอง ม.256 เป็นกุญแจดอกใหญ่ ต้องสะเดาะเปิดประตูสู่ประชาธิปไตย
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุม ใหญ่สามัญพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า พระโขนง – บางนา ถือเป็นพื้นที่สำคัญทั้งในอดีตปัจจุบัน และในอนาคต แม้ว่าเขตนี้จะไม่มีผู้แทนราษฎรในพื้นที่นี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะศูนย์ตลอดไป ซึ่งอีกไม่นานพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯจะเติบโตก้าวหน้าพัฒนาและเพิ่มเติมจำนวนไปสู่ความสำเร็จอย่างยิ่งในอนาคตอย่างแน่นอน มีสาขาพรรค ทั้งสิ้น 18 สาขา และการเดินหน้าทางการเมืองจะเข้มข้นขึ้น ซึ่งที่ผ่านมางานในพรรคร่วมรัฐบาลจะพิสูจน์ว่าในช่วงเวลา ปีครึ่งโดยประมาณ พิสูจน์ว่าสิ่งไหนที่รับปากไว้สามารถทำงานได้สำเร็จ และเป็นที่ประจักษ์กับประชาชน
ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ แต่ทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องการเดินหน้างานของพรรคถัดจากนี้ไป จะเดินหน้าผลักดัน 2 เรื่องคู่ขนานกัน เรื่องแรกคือการผลักดันการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งสองเรื่องคือหัวใจสำคัญที่จะเป็นทิศทางการเดินหน้าในการทำหน้าที่ตัดจากนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเห็นว่าการแก้ไขปัญหาปากท้องคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้สถานการณ์ covid และต้องพาประเทศเดินหน้าต่อไปทำรายได้ให้กับประเทศ เพื่อจุนเจือรากหญ้าในมิติต่างๆ ให้อิ่มท้องขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ระบุว่าการจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญการแก้ไขปัญหาปากท้องคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือการแก้ไขปัญหาในทางการเมือง ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า การเมืองประเทศไทยยังไม่นิ่ง และส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ตราบใดที่ติดหล่มอยู่ในเรื่องการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเมือง ก็จะเป็นอุปสรรคที่คอยล์จุดระเบิดการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างครบถ้วนเต็ม 100% ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นจะพาประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น การเมืองกับเศรษฐกิจจึงต้องคู่ขนานกันไป นี่คือเหตุผล หลายคนอาจไม่เข้าใจ คำตอบคือหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญการเมืองก็จะขยับ และสุดท้ายกรรมจะตกที่ประชาชน ประชาธิปไตยมีความชัดเจนว่าจะแก้ปัญหาทั้งปากท้องของประชาชนและแก้รัฐธรรมนูญพาประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น พร้อมมองเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือทางออกของประเทศ
ซึ่งนายจุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้สั่งการหลังจากที่รัฐธรรมนูญทั้งฉบับไม่ผ่านวาระ 3 ให้ฝ่ายกฎหมายได้ยกร่างการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพราะเมื่อการตั้งส.ส.ร. ยกร่างทั้งฉบับมีปัญหา ถกเถียงในข้อกฎหมายและแม้แต่คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก็ยังถกเถียงกันอยู่ว่าสามารถเดินหน้าได้หรือไม่ ตนคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดของปัญหานี้คือต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา และจะยกร่างอย่างน้อยที่สุดบริเวณที่แก้ไขคือจุดยืนเดิมที่ตนได้ประกาศไว้ตั้งแต่มาเป็นหัวหน้าพรรคว่าจะต้องแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งเป็นมาตราที่ว่าด้วยวิธีการแก้ไขและเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนไว้แก้ยากมาก โดยระบุเงื่อนไขต่างๆไว้ในมาตรา 256 ที่ระบุว่าเสียงส.ส. ต้องเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส.และ ส.ว.รวมกัน และในเสียงเกินกว่าครึ่งหนึ่งมันต้องมีเสียงของส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 อยู่กับ ส.ว.เป็นเงื่อนไขสำคัญ และเสียงของฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ซึ่งหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขดังกล่าวร่างนั้นก็จะตกไป และแม้ว่ารัฐธรรมนูญนั้นจะพังจะต้องมีการทำประชามติหลังจากนั้นจึงนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อลงพระปรมาภิไธย ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขข้อจำกัด เสมือนกุญแจดอกใหญ่ที่ล็อคประตูประชาธิปไตย ตราบใดที่ไม่แก้มาตรา 256 ประตูประชาธิปไตยไม่สามารถที่จะเปิดออกได้ เพื่อทำให้การเมืองนั้นนิ่งได้ในอนาคต รายการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่ถูกนำมาเป็นเงื่อนไขในการก่อเหตุทางการเมือง
ส่วนอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดไว้ว่า ให้ผู้ที่มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมรัฐสภาในช่วง 5 ปีแรกคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา เป็นการตั้งคำถามว่าเราจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญย้อนกลับหรือเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตยปกติได้หรือไม่ โดยให้ประชาชนที่เลือกผู้แทนเข้ามา เป็นผู้มีสิทธิ์ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแทนประชาชน โดยไม่รวมส.ว.ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
นอกจากนี้ ตนยังสั่งการให้ ฝ่ายกฎหมาย แต่ละประเด็นมีการแยกร่างเป็นเรื่องเรื่องไปอย่าเอาหลายประเด็นมามัดรวมกันในแต่ละร่าง ไม่เช่นนั้นในประเด็นนี้เห็นด้วยประเด็นนั้นไม่เห็นด้วยก็จะทำให้ทั้งร่างนั้นตกไปทั้งหมด
ซึ่งนายจุรินทร์ ย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาธิปัตย์ ต้องเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ขีดเส้นใต้ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีเงื่อนไขอยู่ 2-3 เรื่อง ไม่ว่าจะแก้รูปแบบใดต้องไม่แตะหมวด1 และหมวด 2 ในเรื่องรูปแบบของรัฐและ สถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีความสมบูรณ์ในตัวเองอยู่แล้ว พร้อมกับระบุว่าเห็นด้วยให้คงมาตรา 112 เนื่องจากมาตรา 112 เป็นมาตราที่ว่าด้วยการให้ความคุ้มครองประมุขของประเทศ ไม่มีประเทศใดไม่มีบทบัญญัติในการคุ้มครองประมุข เช่นเดียวกับประเทศไทยที่จะต้องมีบทบัญญัติในการให้ความคุ้มครองประมุขของประเทศ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ นี่คือจุดยืนที่ชัดเจน
ทั้งนี้ นายจุรินทร์ยัง ระบุอีกว่า พื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และให้ความสำคัญเสมอไม่มีความเปลี่ยนแปลง พร้อมกับต้องเดินหน้าพิสูจน์ให้คนกรุงเทพฯเห็นว่าพร้อมที่จะกลับมารับใช้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยหากมีการเลือกตั้งมีการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร เตรียมครบแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ยังขาดอีกเพียงไม่กี่เขต ไม่ใช่ไม่มีคน แต่ละเขตมีมากกว่า 1 คน ต้องหาว่าสุดท้ายใครเป็นผู้เหมาะที่สุด การผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นเรื่องละเอียดอ่อนตนไม่ขอกล่าวตอนนี้โดยมอบให้ทีมกรุงเทพฯได้เป็นผู้รับไปพิจารณาดำเนินการ โดยหากมีความคืบหน้าจะเรียกประชุมเพื่อขอตัวบุคคลในการลงรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป โดยหลังจากนี้จะมีการลงพื้นที่กรุงเทพฯเข้มข้นขึ้น.-สำนักข่าวไทย