ศาลปกครองครบรอบ 20 ปี ชูระบบอิเล็กทรอนิกส์

ศาลปกครอง 9 มี.ค.-ประธานศาลปกครองสูงสุด แถลงผลการดำเนินงานครบรอบ 20 ปี ชูระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ ให้ประชาชนเข้าถึงง่าย สะดวก ไม่สิ้นเปลือง สอดคล้องชีวิตวิถีใหม่


นายปิยะ ปะตังทา ประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นประธานการแถลงผลการดำเนินงานของศาลปกครอง เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี การเปิดทำการศาลปกครอง โดยระบุว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน รับคดีเข้าสู่การพิจารณาแล้ว 174,424 คดี เป็นคดีที่ประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น 123,380 คดี และเป็นคดีอุทธรณ์ หรือฟ้องตรงต่อศาลปกครองสูงสุด 51,044 คดี โดยศาลปกครองสามารถพิจารณาคดีได้แล้วเสร็จ 146,537 คดี คิดเป็นร้อยละ 84.01 ของคดีรับเข้า

ประธานศาลปกครองสูงสุด ระบุอีกว่า นับตั้งแต่ปี 2562 ศาลปกครองได้เปิดใช้ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์ของศาลปกครอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คู่กรณีและประชาชน ให้สามารถยื่นฟ้องคดีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกที่ทุกเวลา และได้พัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายสามารถยื่นคำฟ้อง คำให้การและสำเนาพยานหลักฐานประกอบคำฟ้อง คำให้การ และตามที่ศาลมีหมายเรียก การชำระค่าธรรมเนียมศาล ส่งคำร้องคำขอ รวมถึงการขอดำเนินกระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ และสามารถเข้าถึงข้อมูลในสำนวนคดีของตนเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ศาล ปัจจุบันมีผู้สนใจลงทะเบียนเข้าใจงานระบบแล้ว 716 ราย โดยในส่วนของศาลปกครองชั้นต้น มีคดีที่ยื่นฟ้องทางอิเล็กทรอนิกส์ 267 คดี พิจารณาคดีแล้วเสร็จ 126 คดี ส่วนศาลปกครองสูงสุด มีคดีฟ้องตรงที่ยื่นฟ้องทางอิเล็กทรอนิกส์ 19 คดี พิจารณาคดีแล้วเสร็จ 17 คดี มีคดีค้าง 2 คดี


ศาลปกครองยังเพิ่มทางเลือกใหม่ โดยเปิดให้มีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในคดีปกครอง ซึ่งนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2562 ที่นำกระบวนการไกล่เกลี่ยมาใช้ มาคดีที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยของศาลปกครองชั้นต้น 203 คดี ไกล่เกลี่ยแล้วเสร็จ 164 คดี คิดเป็นร้อยละ 80.79 ของคดีที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย และมีคดีอยู่ระหว่างกระบวนการไกล่เกลี่ย 34 คดี ซึ่งคดีที่ไกล่เกลี่ยแล้วเสร็จ ร้อยละ 70.12 ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน และในปี 2563 ที่เป็นช่วงการระบาดของโควิด-19 ผลงานคดีเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 มีคดีรับเข้า 3,467 คดี และมีคดีแล้วเสร็จ 4,116 คดี ซึ่งเป็นผลจากการใช้นโยบาย Work from home โดยใช้เทคโนโลยีช่วยสนับสนุนในการดำเนินงาน

ประธานศาลปกครองสูงสุด กล่าวอีกว่า ทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 กำหนดให้เป็นปีแห่งการพัฒนาการอำนวยความยุติธรรมทางปกครอง ให้เป็นไปตามมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนและในระดับสากล และสอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งจะต้องมีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน รวดเร็ว ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ศาลปกครองยังปรับปรุงห้องพิจารณาคดีและห้องไต่สวนให้เป็นห้องพิจารณาคดีอิเล็กทรอนิกส์ ที่ติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องฉายภาพ และโทรทัศน์วงจรปิดที่ถ่ายทอดภาพจากคอมพิวเตอร์และเครื่องฉายภาพ 3 มิติ ทำให้คู่กรณีเห็นเอกสารพยานหลักฐานที่ศาลใช้ประกอบพิจารณาคดีผ่านอุปกรณ์ภายในห้องพิจารณา ขณะเดียวกัน ติดตั้งระบบบันทึกภาพและเสียง เพื่อให้ศาลเรียกดูไฟล์ย้อนหลังได้

นอกจากนี้ ศาลปกครองยังกำหนดให้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานและกระบวนการทำงานของศาลปกครอง ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอำนวยความยุติธรรมทางปกครอง เช่น พัฒนาระบบฐานข้อมูล Big Data พัฒนาระบบ AI ยกระดับการปฏิบัติงานสู่การเป็นศาลปกครองอัจฉริยะ พัฒนา Mobile Application ระบบงานคดีปกครองอิเล็กทรอนิกส์เพื่อประชาชน เป็นต้น


จากนั้น นายจำกัด ชุมพลวงศ์ รองโฆษกศาลปกครอง กล่าวชี้แจงกรณีรัฐบาลล้มประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีการฟ้องคดีอยู่ในศาลปกครอง ว่า คดีนี้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี  ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนประกาศหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ หลัง รฟม.มีการเปิดประมูลไปแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีในประเด็นที่ บมจ.บีทีเอสซี  ขอให้เพิกถอนประกาศหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ดังกล่าว เพราะหมดเหตุที่ศาลจะต้องวินิจฉัย เนื่องจาก รัฐบาลได้มีการยกเลิกการประมูลและเปิดการประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าดังกล่าวใหม่ แต่ยังเหลือประเด็นที่ศาลต้องพิจารณาต่อไป คือ กรณี  บมจ.บีทีเอสซี ขอให้ศาลสั่งให้ รฟม.ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 500,000บาท จากการจ้างที่ปรึกษาทางด้านเทคนิคในการยื่นประมูลโครงการดังกล่าวเท่านั้น 

รองโฆษกศาลปกครอง ยังกล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ กสทช.คืนเงินค่าใบอนุญาตสัมปทานทีวีดิจิตอลให้กับ บริษัท ไทยทีวี จำกัด หลังยกเลิกสัญญาสัมปทาน ว่า  แม้เหตุผลที่ศาลใช้ประกอบการพิพากษาดังกล่าว มาจากปัญหาการจัดการที่ไม่พร้อมของ กสทช. ในเวลานั้นที่มีประเด็นข้อพิพาท แต่ไม่ใช่จะมาเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลในปัจจุบันสามารถเป็นเหตุในการฟ้องคดีในขณะนี้ เพื่อขอคืนค่าสัมปทานเหมือนกรณี บริษัท ไทยทีวี จำกัดได้ เพราะศาลก็ต้องพิจารณาเงื่อนไขในการรับความเดือดร้อนเสียหาย รวมทั้งปัจจุบัน ก็มีคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ให้ผู้ประกอบการสามารถคืนสัมปทานได้ โดยได้รับเงินชดเชย

ด้าน น.ส.สายทิพย์ สุขคติพันธ์ รองโฆษกศาลปกครอง ชี้แจงกรณีที่มีการนำคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดไปอ้างในทำนองศาลพิพากษาว่า กะเหรี่ยงบ้านบางกลอยมีสิทธิที่จะกลับไปอยู่บ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดินในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า  ข้อเท็จจริง ชาวบ้านมาฟ้องคดี ขอให้ศาลสั่งให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ให้ชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ รื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินที่บ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน โดยศาลก็ได้มีคำพิพากษายึดตาม พ.ร.บ.อุทยาน พ.ศ.2504 ว่า ชาวบ้านไม่ได้มีหลักฐานการครอบครองที่ดินก่อนการประกาศเขตอุทยาน และในคำพิพากษา ศาลได้ระบุว่า ถึงแม้จะอยู่ในเขตอุทยาน แต่การใช้อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานต้องอยู่ภายใต้หลักบริหารงานทางปกครอง ต้องให้มาตรการหนักเบาตามลำดับขั้น เพื่อให้มีผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด จึงนำไปสู่คำพิพากษาให้กรมอุทยานฯชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น หาใช่คำพิพากษาที่มาจากการฟ้องคดีโดยตรงว่า ชาวบ้านมีสิทธิที่จะอยู่ในเขตที่กำหนดว่า เป็นเขตอุทยานหรือไม่  หากมีการฟ้องในประเด็นนี้ ศาลก็ต้องมีการนำสืบพยานหลักฐานในอีกลักษณะหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]