ทำเนียบ 3 มี.ค.-“วิษณุ” เผยกระบวนการโหวตแก้รธน.วาระ 3 ต้องรอคำวินิจฉัยศาล รธน. หากชี้ทำไม่ได้ถือว่ากระบวนการเป็นศูนย์ เชื่อ กกต.ส่งศาลชี้ขาดปมสถานะ ส.ส.แกนนำกปปส. เป็นบรรทัดฐาน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตีความร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่อยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งผลต่อการลงมติในวาระ 3 หรือไม่ ว่าต้องรอผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาในทิศทางใด ซึ่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้สอบถามขั้นตอนไปยังสภาผู้แทนราษฎร ว่าเมื่อผ่านวาระ 2 และเข้าสู่วาระ 3 จะต้องทิ้งระยะเวลาอย่างน้อย 15 วัน เพื่อออกพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาฯ เบื้องต้นนอกจากวาระการโหวตร่างรัฐธรรมนูญ ยังให้ความเห็นชอบพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และกฎหมายประมวลยาเสพติดด้วย แต่เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งว่าทำได้ก็เดินหน้าในการโหวตวาระ 3 ต่อ แต่หากมีคำสั่งทำไม่ได้ กระบวนการต่างๆที่ดำเนินการมาถือว่าเป็นศูนย์ ต้องกลับมาพิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไปได้
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ ส.ส. ของอดีตแกนนำกปปส. ว่า แม้จะมีความชัดเจนระดับหนึ่งจากคำพิพากษาจำคุก แต่มองเป็นเรื่องดีเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมา เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลื่อน ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไป และการเลือกตั้งซ่อมของส.ส.เขต ซึ่งจะต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกา หากระหว่างกระบวนการเกิดข้อถกเถียงและมีคนไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญก็จะเกิดความยุ่งยาก ดังนั้นเมื่อ กกต.มีอำนาจส่งศาลได้อยู่แล้วทุกอย่างจะได้จบ โดยเชื่อว่าผลที่ออกมาจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับในอนาคต เพราะที่ผ่านมาการพ้นสมาชิกภาพ ส.ส.มีไม่กี่กรณี เช่น นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และ นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ซึ่งกรณีแกนนำกปปส. มีประเด็นปัญหาว่าเป็นการถูกคุมตัวโดยคำพิพากษา หรือหมายศาล เมื่อมีคำวินิจฉัยก็จะทำให้หมดข้อสงสัย.-สำนักข่าวไทย