ทำเนียบรัฐบาล 26 ม.ค.-ครม.รับทราบความคืบหน้าการเร่งรัด สรรหาและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ บรรเทาผลกระทบการว่างงานในช่วงสถานการณ์ โควิด-19
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) รับทราบความคืบหน้าการเร่งรัดการสรรหาสอบคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้งบุคคล เข้ารับราชการหรือปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ ทดแทนอัตราว่างจากการเกษียณและอัตราตั้งใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานของประชาชน บรรเทาผลกระทบของการว่างงานในสถานการณ์ โควิด-19 โดยสำนักงานก.พ.ได้รายงานการดำเนินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2563 คือแนวทางการเร่งรัดการสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ
“สำนักงานก.พ.ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาร่วมจัดสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ประจำปี 2564 ให้เสร็จสิ้นในช่วงกลางปีและประกาศผลสอบภายในเดือนสิงหาคม 2564 โดยรับจำนวนผู้สมัครสอบในปีนี้ได้ถึง 847,528 ที่นั่ง พร้อมทั้งประสานหน่วยงานราชการให้เร่งรัดการเรียกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้รวม 29,831 คนจาก 142 บัญชีที่ส่วนราชการเองสามารถเรียกบรรจุได้ทันทีเมื่อมีอัตราว่าง ซึ่งขณะนี้มีส่วนราชการที่อยู่ระหว่างการจัดสอบแข่งขันจำนวน 35 ส่วนราชการ มีอัตราว่างที่จะบรรจุจำนวน 885 อัตรา รวมถึงสนับสนุนการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการโดยวิธีอื่นนอกเหนือจากวิธีการสอบแข่งขัน เช่น การบรรจุผู้มีความรู้ความชำนาญสูง (Lateral Entry) เป็นต้น และให้หน่วยงานจำนวน 149 ส่วนราชการ เร่งสำรวจสถานะอัตราว่างของตนเอง เพื่อวิเคราะห์สรุปรายงานต่อไป” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอนุชา กล่าวว่า ส่วนอีกแนวทางคือการเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของส่วนราชการ ได้แก่ การจ้างพนักงานตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ รอบที่ 5 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2567) จำนวน 219,849 อัตรา และกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการที่ได้รับจัดสรรเพื่อรองรับการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุ จำนวน 1,308 อัตรา รวมทั้งสิ้น 221,157 อัตรา ซึ่งยังคงมีกรอบอัตรากำลังที่ว่างประมาณ 10,537 อัตรา เมื่อได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ส่วนราชการก็จะสรรหาบุคคลเป็นพนักงานราชการต่อไป
“สำนักงานก.พ.อยู่ระหว่างหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการสนับสนุนเงินงบประมาณ ในการจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการเป็นกรณีพิเศษให้แก่ส่วนราชการเพื่อจ้างพนักงานราชการได้ไม่เกิน 2 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564-2565) หากได้รับงบประมาณแล้วจะเร่งจัดสรรกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการให้แก่ส่วนราชการตามความจำเป็นต่อไป ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานในภาคราชการพลเรือน เพิ่มโอกาสการทำงานของประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้งยังเป็นช่องทางให้ส่วนราชการคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะที่สอดคล้องกับภารกิจจำเป็นของหน่วยงานเข้าสู่ระบบราชการด้วย” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย