ยันไม่มีนโยบายจับกุมแรงงานต่างด้าว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 25 ธ.ค.-ผบ.ตร. ยันยันไม่มีนโยบายจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ขอความร่วมมืออย่าเคลื่อนย้าย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขอปฏิบัติตามคำแนะนำสาธารณะสุข ลุยปราบขบวนการขนต่างด้าวเข้าไทย


พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าสืบสวนจับกุมขบวนการขนแรงงานต่างด้าว ว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริงใจที่จะแก้ปัญหาโควิด-19 โดยเฉพาะกับแรงงานที่เข้ามาในประเทศไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมาย โดยช่วงนี้อยากทำความเข้าใจกับแรงงานทั้งหมด ขอให้อยู่กับที่อย่าเคลื่อนย้าย เพราะเจ้าหน้าที่จะไม่ไปจับกุมแรงงานไม่ว่าจะเข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่ก็ตาม แต่ขอให้ทุกคนอยู่และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

“เราต้องการจำกัดการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าจะเป็นประชากรส่วนใดก็ตาม เพื่อให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 น้อยที่สุด ขณะนี้เราไม่มีนโยบายจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมือง เพราะอยากให้แรงงานต่างด้าวอยู่นิ่ง ๆ กับที่ ช่วงนี้เราเน้นปราบปรามขบวนการที่นำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ใช่ก็ตาม เราต้องเร่งจัดการอย่างเด็ดขาด ต้องสาวถึงเบื้องหลัง ไม่ให้เคลื่อนย้ายข้ามชายแดนมาอีก ซึ่งนายกรัฐมนตรีพูดไว้ว่าใครผิดต้องลงโทษหมด และขอให้มั่นใจว่าใครผิดเราไม่เอาไว้” ผบ.ตร. กล่าว


ต่อข้อถามว่าขบวนการขนคนเข้าเมืองมักจะมีผู้มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง สังคมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าหน้าที่จะจริงจังกับเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ลงมาควบคุมกำกับด้วยตนเอง ตนเชื่อว่าไม่มีใครใหญ่ไปกว่านายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แน่นอน ซึ่งตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายกับขบวนการเหล่านี้อย่างเร็วที่สุด

ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจากพล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ ผบช.ภ.7 จะแถลงผลการสอบสวนทางวินัยกับข้าราชการตำรวจบางนายที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจริง ๆ มีการสืบสวนมาระยะหนึ่งแล้ว ตนให้ตรวจสอบทุกพื้นที่โดยเฉพาะ 10 จังหวัดแนวชายแดนภาคตะวันตก ส่วนที่มีข่าวตำรวจในพื้นที่ภาคตะวันออก ถูกทหารควบคุมตัว เนื่องจากคาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ เบื้องต้นทราบว่าเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย มีภรรยาเป็นคนต่างด้าว แต่ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย

“เมื่อ2-3 วันที่ผ่านมาเราได้นำรถโมบายของ ตม. ไปเก็บภาพใบหน้า ลายนิ้วมือ ของแรงงานที่ถูกกักตัวในตลาดกลางกุ้ง ผมได้พูดกับนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ว่าเขาจะอยู่ผิดหรือถูก เราจะขึ้นทะเบียนไว้ทั้งหมด ลงในระบบไบโอเมทริกซ์ของ ตม. และจะหารือกับกระทรวงแรงงานทำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของแรงงาน ซึ่งจะทำให้เราสามารถกำกับดูแล มีข้อมูลที่ถูกต้องของแรงงานที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าเขาจะเข้ามาด้วยวิธีการใดก็ตาม”ผบ.ตร. กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม