นายกฯ สั่งคุมเข้มห้ามลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ

ทำเนียบฯ 2 ธ.ค.-นายกฯ กำชับคุมเข้มห้ามลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ และสั่งควบคุมมาตรการ ASQ คลายกังวลประชาชน


นายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นห่วง และสั่งกำชับเจ้าหน้าที่ประจำเขตแดนเฝ้าระวังไม่ให้มีการลักลอบเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติอย่างเข้มงวด ซึ่งการลักลอบเข้าเมืองถือเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ พร้อมกำชับมาตรการการจัดการ สถานที่กักตัวทางเลือกแห่งรัฐสำหรับชาวต่างชาติ (Alternative State Quarantine : ASQ) เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น ยืนยันว่ารัฐบาลยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี

นายประทีป กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยหญิงไทยที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ได้ส่งตัวไปรักษาและติดตามกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย เพื่อตรวจคัดกรองโรคแล้ว กว่า 100 ราย ซึ่งยังไม่พบว่ามีผู้ป่วยเพิ่มเติม ในส่วนของประชาชน และอาสาสมัครสาธารณสุข ขอให้ช่วยกันดูแลหมู่บ้าน ชุมชน ของตน หากพบคนแปลกหน้า ต้องตรวจสอบว่าเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ ผ่านกระบวนการควบคุมโรคอย่างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งตามมาตรการป้องกันและสกัดกั้นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนั้น รัฐบาลได้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัดเพิ่มเติม ดำเนินการตรวจคัดกรองบุคคลอย่างเข้มงวดจึงขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นกังวล แต่เป็นกำลังสำคัญของรัฐในการช่วยกันสอดส่องดูแล


ในส่วนของมาตรการจัดสถานที่กักตัวทางเลือกแห่งรัฐสำหรับชาวต่างชาติ นายประทีป กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อข้อห่วงกังวลของประชาชนในพื้นที่ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่อย่างรัดกุม เพื่อความปลอดภัยของทุกคน โดยขณะนี้โรงแรมที่อยู่ในส่วนของ ASQ มีจำนวน กว่า 100 แห่ง ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนคลายความกังวล ไม่ตระหนก พร้อมท่องเที่ยวอย่างผ่อนคลายในช่วง High Season

นายประทีป กล่าวว่า ไทยดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด มีการจัดการตามมาตรการที่ดี ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก จนทำให้ประเทศไทยตั้งมั่นได้เร็วในการป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไทยจึงพร้อมเริ่มดำเนินนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ รัฐบาลควบคุมสถานการณ์ได้ไม่มีประเด็นน่าห่วงกังวล.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” คดี “แบงค์ เลสเตอร์”

ผบช.ภ.2 เผยคดี “แบงค์ เลสเตอร์” แจ้งข้อหา “เอ็ม” กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มอบตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คุมฝากขังค้านประกันตัว

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย