กระทรวงกลาโหม 30 พ. ย. – นายกฯ ไม่กังวล ศาล รธน.นัดอ่านคำวินิจฉัยปมบ้านพัก 2 ธันวาคม อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า เคารพคำตัดสิน หากให้ย้ายก็พร้อมออก ไม่กลัวอาถรรพ์บ้านพักพิษณุโลก มั่นใจทำดีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยสถานภาพนายกรัฐมนตรีคดีบ้านพักทหาร ว่า ขออย่าคาดการณ์ล่วงหน้า เพราะตอนนี้ทุกคนกำลังให้ความสำคัญในเรื่องนี้ แต่ตนไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเคารพในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าตัดสินออกมาอย่างไร จึงไม่ขอแสดงความคิดเห็นในขณะนี้
“ไม่ต้องเตรียมแผนรับรอง คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ขอฟังคำตัดสินของศาลก่อน จึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป อย่าไปคิดล่วงหน้ามากนัก ตนเคารพทุกอย่าง ไม่ว่าผลออกมาเป็นอย่างไรตนก็รับได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ต่อข้อถามว่าจะเตรียมการย้ายไปอยู่ที่บ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้การซ่อมแซมก็ยังไม่เรียบร้อย เนื่องจากชำรุดไปตามเวลา และบ้านพักหลังดังกล่าวใหญ่โตเกินไป ไม่เกี่ยวกับข่าวลืออาภรรพ์บ้านพัก เพราะตนตั้งใจไปทำความดี พระตนก็ไหว้ ถ้าทำความดีเผื่อแผ่นดิน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องคุ้มครอง
“ที่ผมยืนอยู่ทุกวันนี้เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครอง ที่จะทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าผมก็ระมัดระวังอย่างถึงที่สุด เพราะตอนนี้มีกลไกทางการเมือง ผมเข้ามาวันนี้กับวันนั้น มันคนละช่วงเวลากัน การทุจริต ผิดกฎหมาย ผมก็ไม่ได้ทำ ไม่เคยทำสิ่งใดเพื่อประโยชน์ส่วนตนเลยสักอย่าง เพราะผมมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เตรียมบ้านพักส่วนตัวเอาไว้ หากศาลตัดสินไม่ให้อยู่ก็ไป แต่บ้านส่วนตัวมีพื้นที่จำกัด และยังมีเรื่องการดูแลความปลอดภัยของผู้นำประเทศด้วย แม้จะคิดว่าจะไม่มีใครมาทำร้าย แต่ผู้นำของประเทศก็ต้องมีการคุ้มครอง ซึ่งในทุกประเทศก็มีการคุ้มครองผู้นำอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในทิศทางที่เป็นลบ จะส่งผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกับคณะรัฐมนตรี ขออย่าคิดล่วงหน้ามากนัก เมื่อถึงเวลาการตัดสินใจง่ายอยู่แล้ว ผลออกมาอย่างไรก็ตามนั้น ตนไม่กังวลอะไร สิ่งที่กังวลอยู่อย่างเดียวคือจะทำอย่างไรให้ประเทศปลอดภัย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ปลอดภัย ประชาชนทุกคนต้องมีความรักสามัคคี แต่ทุกคนกลับโทษว่าเป็นความผิดของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ไม่เคยมองว่าที่ผ่านมาตนทำอะไรมาบ้าง ทุกคนก็ลืมไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องแค่ การรักษาความสงบเรียบร้อยเพียงอย่างเดียว ตนทำอะไรมาตั้งเยอะแยะ ขอให้ไปหาดู.-สำนักข่าวไทย