เปิดตัวกลุ่ม Re-solution เดินหน้าสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่

กทม. 11 ต.ค.- พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า รวมตัวภาคประชาชน เปิดตัวกลุ่ม Re-solution เดินหน้าสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ และมีสภาเดี่ยว พร้อมชงรื้อสัดส่วนศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ใช้เสียง 2 ใน 3 ถอดถอนได้ แต่ใช้เวลานานกว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะสำเร็จ เชื่อรัฐบาล “ประยุทธ์” อยู่เกินเทอม


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 4 เครือข่ายต้านรัฐธรรมนูญ ได้แก่ คณะก้าวหน้า, กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า (Con Lab), พรรคก้าวไกล, และกลุ่มโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) เปิดตัวกลุ่ม Re-solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่ เพื่อเดินหน้าแสวงหาฉันทามติใหม่ร่วมกัน โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า (Con Lab) นายรังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล นายยิ่งชีพ อัชชานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

นายปิยบุตร กล่าวตอนหนึ่งว่า ถึงเวลาอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ หมดเวลาของรัฐธรรมนูญที่สืบทอดมาจากฉันทามติที่รัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบ แซกแทรงองค์กรอิสระ มี ส.ว. และเสียงข้างน้อยทำลายความน่าเชื่อถือ


“ปัจจุบันการแก้รัฐธรรมนูญอาจจะไม่สำเร็จ เพราะ ถูกออกแบบให้แก้ได้ยาก จนไม่มีทางแก้ได้  รัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 จึงรอเวลาที่จะปะทุ เพราะสถาบันการเมืองไม่ฟังเสียงของประชาชน และขังสิทธิเสรีภาพประชาชน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประชาชนต้องมีอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญให้เป็นของประชาชน ที่ทุกฝ่ายต้องหาข้อตกลงในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่มีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันร่วมกัน เพราะอำนาจสูงสุดของประเทศ คือ ประชาชนที่จะเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศเอง

ด้านนายพริษฐ์ กล่าวถึงการสนับสนุนให้การเมืองไทยมีเพียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือสภาเดี่ยว ว่ารัฐธรรมนูญ 60 ต้องแก้ในมาตรา หรือข้อที่สนับสนุนอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ให้น้อยลง หรือยกเลิก ส.ว. เพราะ ส.ว. เข้ามาควบคุมโครงสร้างของระบบการปฏิรูปการเมืองได้


“ความผิดปกติในปัจจุบัน 5 ประการ คือ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้มีที่มาจากประชาชน, ขัดขวางทุกการปฎิรูปควบคุมได้ทุกโครงสร้าง, ที่มาด่างพร้อยและเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน, ขาดความหลากหลายทางวิชาชีพ และความเชี่ยวชาญ ไม่ได้มาแบบอาชีพที่หลากหลาย, รวมถึงยังบกพร่องในหน้าที่การตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจตรวจสอบของสภาฯ การเมืองไทยสามารถยกเลิกสภา ส.ว. และใช้เพียงสภาเดี่ยว เพราะจะมีความรวดเร็วในการออกกฎหมาย ประหยัดงบประมาณในการดำเนินงานต่างๆ ของ ส.ว. การปรับเข้าสู่ระบบสภาเดี่ยวใช้เวลาสั้นในการออกแบบ และมีความเป็นประชาธิปไตย ระบบการเมืองในประเทศ และปัจจุบัน ระบบสภาเดี่ยวใช้ในหลายประเทศ หาก ส.ว. จะมารับตำแหน่ง ต้องลาออกจากอาชีพของตน และมีความรู้ด้านกฎหมาย รักษาผลประโยชน์ในแต่ละท้องถิ่น ให้สามารถบริหารการเมืองท้องถิ่นตนเองได้ และมีอำนาจในการถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร ไม่ให้พรรคการเมืองรวบอำนาจ แต่ทั้งนี้ ต้องให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบอำนาจบริหารได้”นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่าหน้าที่ของ ส.ว.นั้น คนอื่นก็ทำได้ หรืออาจจะดีกว่า ทั้งการอัดฉีดความรู้เฉพาะทางตอนกลั่นกรองกฎหมาย รักษาผลประโยชน์ของทุกจังหวัด แต่งตั้งกรรมการองค์กรอิสระ ถอดถอนนักการเมืองที่ขาดคุณสมบัติ และตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหาร พร้อมทิ้งท้ายว่า สิ่งที่อันตรายกว่าการไม่มี ส.ว. มาตรวจสอบอำนาจรัฐคือ การ มี ส.ว.ที่คอยให้ท้ายรัฐบาลในทุกเรื่อง

ขณะที่นายรังสิมันต์ สนับสนุนให้รื้อศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ เพราะศาลรัฐธรรมนูญและองค์การอิสระถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ซึ่งกระบวนการสรรหาและคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในองค์กรไม่มีจุดยึดโยงกับประชาชน จึงเสนอศาลรัฐธรรมนูญให้มีองค์ประกอบ 9 คนเหมือนเดิม ซึ่ง 3 คนมาจากการเลือกจาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล อีก 3 คน มาจากการเลือกของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และอีก 3 คน ให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอชื่อมา และให้ศาลปกครองเสนอชื่อมาอีก 3 คน จากนั้นใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 จากสมาชิกสภผู้แทนราษฎรเป็นผู้เลือกให้เหลือ 3 คน ขณะที่เสนอให้องค์กรอิสระทุกองค์กร ประกอบไปด้วยผู้ดำรงตำแหน่ง 5 คน ซึ่ง 2 คนมาจากการเลือกของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 2 คนถัดมา มาจากการคัดเลือกของ ส.ส.ฝ่ายค้าน และ 1 คนให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอชื่อมา รวมถึงให้ที่ประขุมใหญ่ศาลปกครองเสนอชื่อมาอีก 1 คน และใช้เสียง 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เลือกให้เหลือ 1 คนเช่นกัน พร้อมยังมองว่าศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต้องมีกระบวนการถอดถอนได้ โดยใช้เสียงข้างมาก 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ถอดถอน

“ผมเห็นว่าการมีศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระยังจำเป็น เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล แต่ถ้าปล่อยให้องค์กรเหล่านี้เลือกกันเองชงกันเอง บ้านเมืองเราในอนาคตก็จะไม่แตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา ดังนั้น เราจะปล่อยให้บ้านเมืองของเราเป็นแบบเดิมหรือไม่ วันนี้จึงเป็นเวลาและโอกาสในการเปลี่ยนแปลง” นายรังสิมันต์ กล่าว

ขณะที่นายยิ่งชีพ กล่าวว่า สำหรับกระบวนการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญนั้น แม้ว่าใน พ.ย.นี้ สภาฯจะโหวตรับข้อเสนอการตั้ง ส.ส.ร. แต่จากนั้นยังต้องผ่านกระบวนการต่างๆ ใช้เวลาอีกนานกว่าจะผ่านวาระ 2 และวาระ 3 จากนั้นยังต้องผ่านการทำประชามติจากประชาชน นอกจากนั้นการประกาศใช้อาจมีขั้นตอนศาลรัฐธรรมนูญอีกขั้น รวมทั้งกระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.ร. เมื่อส.ส.ร.ร่างเสร็จ ก็ยังต้องผ่านประชามติ ถือเป็นขั้นตอนอีกยาวนาน ซึ่งใน 3 ปีข้างหน้า รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังอยู่ในสถานะต่อไปตามกลไกรัฐธรรมนูญปี 60 อาจครบเทอมหรือเลยเทอม พร้อมย้ำว่า ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% ไม่มีโควตาพิเศษผู้ทรงคุณวุฒิใดๆ ทั้งสิ้น และหากมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ต้องไม่มีการแบ่งเขตจังหวัด เพราะอาจมีคนที่เป็นพื้นที่อิทธิพลของตัวเองอยู่ ดังนั้น ควรใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย