เนียบรัฐบาล 8 ก.ย.- รมว.สธ.ขอผู้ประกอบการภูเก็ตสร้างความเข้าใจคนในพื้นที่ เหตุต้องผ่อนปรนให้รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ย้ำรัฐพร้อมหนุน แต่ต้องรอ ศบค.พิจารณาก่อนว่าจะทันเดือน ต.ค.นี้หรือไม่ ยัน รพ.ชายแดนเครื่องมือพร้อมรับโควิด
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินโครงการภูเก็ตโมเดลว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในรูปแบบของภูเก็ตโมเดลได้ตามแผนที่วางไว้ในเดือนตุลาคมนี้หรือไม่ เนื่องจากมีประชาชนบางส่วนคัดค้าน เพราะกังวลเรื่องการกลับมาแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการและประชาชนจังหวัดภูเก็ต เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งผ่อนปรนเงื่อนไข เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนและผลักดันอย่างเต็มที่ โดยกระทรวงสาธารณสุขยืนยันความพร้อมเต็มรูปแบบในการป้องกันการแพร่ระบาด แต่ผู้ประกอบการต้องหารือกับผู้ที่ออกมาคัดค้าน ซึ่งผู้ที่ยังเคลื่อนไหวเป็นชาวภูเก็ตหรือไม่
“รัฐบาลพร้อมสนับสนุนผ่อนคลายมาตรการให้ผู้ประกอบการและภาคส่วนต่าง ๆ สร้างรายได้ สร้างงานให้ประชาชน แต่ยังมีผู้ที่คัดค้านอยู่ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องควรช่วยกันทำความเข้าใจ วันนี้รัฐบาลมีความพร้อมทั้งแพทย์พยาบาล สถานพยาบาลและเวชภัณฑ์ ถ้าเราจะกลัวโควิดจนไม่ทำอะไรเลยหรือต้องตั้งเป้าให้ผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นศูนย์ตลอดไป ถ้าเป็นช่วงที่เราไม่รู้จักโควิดเลย ยังพอเข้าใจได้ แต่นี่เราอยู่กับเครดิตมาแล้ว 9 เดือน บางอย่างก็จำเป็นต้องเดินหน้า อย่างไรก็ตาม ถ้าจะเดินหน้าโครงการภูเก็ตโมเดลจะต้องนำเข้าที่ประชุม ศบค.ก่อน จึงจะได้คำตอบว่าภูเก็ตโมเดลจะเริ่มได้ในเดือนตุลาคมหรือไม่” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวถึงความพร้อมของโรงพยาบาลที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ว่า ทุกโรงพยาบาลบริเวณชายแดน ไทย-เมียนมา ที่เคยมีข่าวว่าขาดแคลนชุดพีพีอี เครื่องป้องกันและอุปกรณ์ที่จะใช้ในการดูแลโรคโควิด ยืนยันว่าขณะนี้ทุกโรงพยาบาลมีความพร้อมโดยกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนอุปกรณ์ทุกอย่างเพียงพอ เนื่องจากไม่มีผู้ป่วยจากโรคโควิดที่เป็นการะบาดภายในประเทศเหลืออยู่แล้ว ทุกคนกลับบ้านหมดแล้วที่มีอยู่ 105 คน เป็นผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ ดังนั้น อุปกรณ์ต่างๆ จึงเพียงพอสำหรับใช้รับมือสถานการณ์
“สำหรับความคืบหน้าเรื่องวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขผลักดันให้ไทยเข้าร่วมโครงการ COVAC ซึ่งอยู่ในกำกับขององค์การอนามัยโรค เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่มี 15 ประเทศกำลังศึกษาพัฒนาวัคซีน และไทยจะได้ประโยชน์จากเงินที่ลงทุนไปเมื่อผลิตวัคซีน ซึ่งเตรียมนำเข้าหารือในที่ประชุม ศบค.และเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาตามลำดับ” รัฐมนตรีว่าการกรุทรวงสาธารณสุข กล่าว ทั้งนี้ มีรายงานว่าการประชุม ศบค.ครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 28 กันยายนนี้.-สำนักข่าวไทย