รัฐสภา 21 ส.ค.- “สิระ-มงคลกิตติ์” เผชิญหน้า หวิดวางมวยกลางสภาฯ ด่าไร้สำนึก “สิระ” ขอ รปภ.ช่วย หลังถูกคุกคาม วิ่งหาประธานสภาฯ ช่วยเคลียร์ ด้าน “มงคลกิตติ์” ลั่น ลูกผู้ชายผิด ก็ต้องขอโทษ หากไม่ขอโทษ จะแจ้งความดำเนินคดี 24 ส.ค. นี้ เผย รับปากประธานสภาฯ จบเรื่องในสภาฯ แต่นอกสภาฯ ทางใคร ทางมัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 11.50น. วันนี้ (21ส.ค.) ที่ อาคารรัฐสภา ชั้น 1 ระหว่างที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษสื่อมวลชน ได้เห็นนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พลังประชารัฐ เดินเข้ามา จึงได้ปรี่เข้าไปหานายสิระ ที่กำลังยืนคุยกับสื่ออีกกลุ่ม และจับแขนข้างขวาของนายสิระ นายสิระได้ขอให้ผู้ที่อยู่บริเวณดังกล่าว ช่วยบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะสะบัดมือออกทันที และพูดว่า “อย่ามาจับผม จับตัวผมไม่ได้ คุณเป็นนักเลง” พร้อมเดินห่างจากนายมงคลกิตติ์
แต่นายมงคลกิตติ์เดินตามนายสิระ และพยายามพูดว่า นายสิระด่าตน ขณะที่ นายสิระได้พยายามเดินเลี่ยงหนี และขอให้ตำรวจสภาฯ มาพาตัวนายมงคลกิตติ์ออกไป เพราะเป็นอันธพาล และระบุว่า ให้ถ่ายภาพไว้ ว่าใครหาเรื่องใคร ให้ภาพฟ้องคนทั้งประเทศ และรายงานถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ส.ส.กระทำผิด นี่คือสภาอันทรงเกียรติ มาหาเรื่อง ขณะที่ นายมงคลกิตติ์ สวนกลับว่า “ทำไมเวลาพูดไม่คิด ใครเป็นคนเริ่ม” ทำให้นายสิระตอบกลับว่า คิดแล้ว และบอกว่า “ไม่ต้องมาพูดกับผม ให้ไปทำหน้าที่ของคุณ”
จากนั้น นายสิระ ให้สัมภาษณ์ เรียกร้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ช่วยสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย เพราะถูกนายมงคลกิตติ์เข้ามาก่อกวน รังควาน คุกคาม ในระหว่างเข้ามาทำหน้าที่ในสภาฯ พฤติกรรมเช่นนี้ ประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายสิระให้สัมภาษณ์ นายมงคลกิตติ์ ยืนสังเกตการณ์ข้างๆ อยู่ตลอด และให้สัมภาษณ์ว่า แทนที่นายสิระจะมีสำนึก ขอโทษ ในฐานะลูกผู้ชาย ตนไม่ได้ทำอะไร เพียงต้องการสอบถาม ว่าสิ่งที่นายสิระพูด คิดก่อนหรือไม่ ที่ต่อว่าและด่าผู้อื่นลับหลังหลายครั้ง ซึ่งตนไม่ชอบ ยืนยันไม่เคยด่าว่านายสิระ และไม่เคยเริ่มก่อน
“มาว่าคนอื่นลับหลัง แล้วไปฟ้องผู้ใหญ่ เขาเรียกว่าอะไร ปกติเวลามีอะไร เคลียร์กัน ตกลงกันไม่ได้ ก็นอกห้องเรียน ไม่ต้องเอาครูบาอาจารย์มายุ่งเกี่ยวฟ้องผู้ใหญ่ หรือฟ้องพ่อ ฟ้องแม่ ผมเป็นลูกผู้ชาย ฆ่าได้ หยามไม่ได้ ปกติผมเป็นคนอ่อนน้อม เพียงแต่เจอคนมีการศึกษา เราก็มีการศึกษา ลูกผู้ชาย ทำผิดตองรับผิด ผมไม่ใช่คนอันธพาล ผมเป็นลูกผู้ชายที่หยามไม่ได้ เราผิดตรงไหน ไม่ดีตรงไหนยอมรับ แต่นี่มาว่าลับหลัง ผมไม่ชอบ” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
จากนั้น นายสิระได้ขึ้นมาพบนายชวน หลีกภัย เพื่อรายงานถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที พร้อมเปิดเผยว่า ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรดูแลความปลอดภัย ส.ส.ที่ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ให้มีใครมาคุกคาม หรือมาท้าตีท้าต่อย และว่า เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) และวันนี้ ตนถูกคุกคามจากการทำหน้าที่ ส.ส.
นายสิระได้โชว์ข้อความที่นายนายมงคลกิตติ์โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า “ไอ้สิระ กูเจอมึงที่ไหน กูจะเอาให้ฟันร่วงหมดปาก รู้จักกูน้อยไป” มาแสดงให้เห็นว่านายมงคลกิตติ์มีพฤติกรรมเช่นใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงที่นายสิระออกมาให้สัมภาษณ์นั้น นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มาพาตัวนายมงคลกิตติ์ ที่รออยู่หน้าห้อง เข้าพบประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับนายสิระ
ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ ใช้เวลาพบประธานสภาผู้แทนราษฎร ประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ว่า มาพบประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประธานสภาผู้แทนราษฎรทราบอยู่แล้ว และเข้าใจว่าสิ่งที่นายสิระทำกับตนแรงมาก
“ประธานสภาฯ ได้ขอว่า ในสภาฯ อย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้น และอยากให้นายสิระมาขอโทษ ซึ่งผมได้รับปากเ พราะเป็นลูกผู้ชาย คำไหน คำนั้น เมื่อผมรับปาก ว่าจะไม่เกิดเรื่องใดๆ ในสภาฯ และในฐานะลูกผู้ชาย หากมาขอโทษเรื่องก็จบ ผมไม่ใช่พวกลอบกัดใคร เพราะไม่ใช่หมา” นายมงคลกิตติ์ กล่าว
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า หากนายสิระยังไม่ขอโทษ ก็จะมอบหมายให้ทนายความ ไปฟ้องร้องดำเนินคดี ที่ศาลอาญา ฐานหมิ่นประมาท ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม นี้ พร้อมยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์ เพื่อกลบข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ ตามที่มีสื่อบางสื่อเสนอ พร้อมยอมรับว่า เมื่อวานนี้บันดาลโทสะ จึงโพสต์ด่า แต่บังเอิญนิ้วไปโดนข้อความที่โพสต์ จึงถูกลบไป ไม่ได้มีเจตนาลบข้อความ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่าได้รับปากนายชวนแล้วว่า จะจบเรื่องหากเจอกันในสภาฯก็จะไม่ไปถามไปพูดไปคุย ซึ่งถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะเป็นสภา แต่ไม่รับปากว่าเจอข้างนอกจะเป็นอย่างไร และจะไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานร่วมกัน เพราะมี ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลหลายคน แต่ตนขอเดินคนละทางกับนายสิระ ทางใคร ทางมัน และไม่กังวงกรณีที่ถูกแจ้งความ เพราะไม่ได้มีโทษหนัก เพราะเป็นการบันดาลโทสะ แต่กรณีของนายสิระ ถือว่าหมิ่นประมาทตนถึง 2 ครั้ง .- สำนักข่าวไทย