คณะกรรมการกฤษฎีกา 18 ส.ค.-“วิชา” เตรียมเชิญ “พล.ต.อ.สมยศ” แจง 20 ส.ค.นี้ หลัง “พ.ต.อ.ธนสิทธิ์” ระบุ ถูกกดดัน ขณะที่ คณะกรรมการตรวจสอบฝ่ายตำรวจ เตรียมเชิญผู้บังคับการกองต่างประเทศชี้แจงเรื่องการออกหมายแดง – ตำรวจที่เชียงใหม่ ชี้แจงข้อมูลการเสียชีวิตของ “จารุชาติ”
นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเชิญ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจเคมีฟิสิกส์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ซึ่งเป็นตำรวจที่กลับคำให้การเรื่องความเร็วรถ Ferrari ของนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ในปี 2559 เป็น 79 จากเดิม 177 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง เมื่อปี 2555 ว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ถือเป็นพยานที่มีน้ำหนัก เรื่องการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ จาก 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง
“เจ้าตัวยืนยันว่า ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนเพียง 1 ครั้ง คือ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 และยืนยัน ว่าไม่ได้เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าพนักงานสอบสวนในวันที่ 2 มีนาคม ตามที่ถูกกล่าวอ้าง และไม่ทราบว่า นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เข้ามาได้อย่างไร” นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ บอกว่า ทราบเพียงนายสายประสิทธิ์ เป็นผู้ทำข้อมูลในคดีเสี่ยชูวงษ์ จึงทำให้เชื่อถือในข้อมูล แต่เมื่อกลับมาทบทวนและเชื่อว่าไม่ถูกต้อง จึงพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงข้อมูลกลับไปอยู่ที่ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในขณะนั้น พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สอบสวน สน.ทองหล่อ อ้างว่าทำคดีอื่นซับซ้อน ทำให้เกิดความสับสน จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ยอมรับว่ากังวลเรื่องของความปลอดภัย โดยอ้างว่ามีบุคคลติดตาม และได้ยอมรับต่อคณะกรรมการฯ ว่าถูกกดดัน” นายวิชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ถูกกดดันจากใคร นายวิชา กล่าวว่า พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่บอกว่าคนที่พานายสายประสิทธิมา คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น จึงจะเชิญมาให้ข้อมูล ในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อาคารเทเวศร์ รวมถึง เชิญอัยการสูงสุดมาด้วย
ส่วนจะต้องเชิญ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ที่ถูกกล่าวอ้างในรายงานมาชี้แจงหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คงไม่ต้อง เพราะวันนี้ชี้แจงว่าใช้เพียงห้องทำงานของพล.ต.อ.มนู
ต่อข้อถามว่า ข้อเท็จจริงจากการตรวจสอบทั้งหมด พ.ต.อ.วิรดล เหมือนจะรับผิดคนเดียวใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการ แต่ไม่เปิดเผยว่ามีบุคคลใดบ้าง คณะกรรมการตรวจสอบฝ่ายตำรวจจะเชิญผู้บังคับการกองต่างประเทศ ที่รับผิดชอบการออกหมายแดง หรือ อินเตอร์โพล และ การส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาให้ข้อมูล ในวันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม นี้ เช่นเดียวกัน รวมถึง เชิญตำรวจที่เชียงใหม่ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง และการชันสูตรพลิกศพด้วย
สำหรับการเข้าให้ข้อเท็จจริงของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วงบ่ายวันนี้ นายวิชา กล่าวว่า เจ้าตัวได้ชี้แจงเรื่องการมอบอำนาจ ว่าเป็นไปตามระบบ คำสั่งเป็นเด็ดขาด ไม่รับคืน และที่ไม่เห็นแย้งอัยการ เพราะไม่มีข้อมูลใดผิดปกติ แต่ยอมรับว่าเพิ่งทราบว่ามีการกดดัน พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ จากสื่อเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ว่ามีการกดดัน และทำสำนวนอันเป็นเท็จ ก็ไม่ยอม ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการจะต้องนำไปพิจารณาถึงกระบวนการทำงานของตำรวจต่อไป และได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมไปดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ส่วนจากข้อมูลจากคณะทำงานทั้งหมดจนถึงขณะนี้ เห็นได้ชัดแล้วถึงหรือไม่ ว่าเป็นกระบวนการเอื้อในทางคดี ให้กับนายวรยุทธ นายวิชา กล่าวว่า ว่า อย่างที่สื่อมวลชนบอก เราก็รู้กันดีอยู่ ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไม่ใช่แค่คดีรถชนกันตาย แต่จริงๆ แล้วไม่ปกติ สมแล้วที่นายกรัฐมนตรีจะต้องตั้งคณะกรรมการเข้ามาตรวจสอบโดยเฉพาะ
นายวิชา ยังชี้แจงต่อข้อวิจารณ์ในโซเชียล ที่มองว่าคณะกรรมการชุดนี้ เป็นขบวนการสอบ เพื่อช่วยกัน ว่าถ้าช่วยกัน ตนจะออกมาเปิดเผยข้อมูลพิรุธ และบอกว่ามันผิดปกติทำไม มีหรือไม่ที่ตนบอกว่าไม่มีผิดปกติเลย ขณะที่ พล.ต.ท.เพิ่มพูน มีสีหน้าที่เรียบเฉย และปฎิเสธให้สัมภาษณ์ ก่อนรีบขึ้นรถกลับทันที เช่นเดียวกับพ.ต.อ.ธนสิทธิ์ที่ไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน.-สำนักข่าวไทย