พรรคประชาธิปัตยจ์ 9 ส.ค.-“องอาจ” แนะพรรคร่วมฝ่ายค้าน-รัฐบาล หารือส.ว.หาข้อสรุปแก้รธน.ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนเดินหน้าผลักดันแก้รัฐธรรรมนูญ
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญนี้มาตั้งแต่ต้น และเห็นว่าควรมีการแก้ไข จึงได้เสนอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมกับมีข้อเสนอชัดเจนตั้งแต่แรกว่า ให้แก้มาตรา 256 ซึ่งอยู่ในหมวด 15 ว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ และขณะนี้ กมธ. วิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ ที่มีกรรมาธิการจากเกือบทุกพรรคก็เห็นด้วย ส่วนการจะแก้ไขตรงไหน อย่างไร แต่ละพรรคก็มีข้อเสนอที่เหมือนกัน และก็มีที่แตกต่างกันบ้าง เพราะฉะนั้นทางพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้านรวมไปถึงวิปของสมาชิกวุฒิสภา ควรไปประชุมปรึกษาหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และนำสรุปเสนอต่อสาธารณชน ทั้งนี้ต้องยอมรับความจริงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นได้ต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้จริง
“ทุกฝ่ายต้องพยายามแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง สร้างความยอมรับที่เห็นพ้องต้องกันในประเด็นสำคัญๆ ที่จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าได้ โดยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ เพื่อให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จได้ตามความต้องการของทุกฝ่าย”นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า กรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ให้ ส.ว. มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี นับเป็นเรื่องดีที่ ส.ว. มองเห็นจุดอ่อนของเรื่องนี้ที่ควรมีการแก้ไข เพราะในความเป็นจริง ถ้า ส.ว. ไปเลือกใครก็ตามที่รวบรวมเสียงได้ไม่ถึงครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรไปเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงไม่สามารถเป็นนายกฯ ได้นาน เพราะจะไม่มีเสียงเพียงพอเกินครึ่งที่จะผ่านกฎหมาย หรือผ่านงบประมาณในสภาได้ อีกทั้งประเด็นให้ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้แก้ไข
สำหรับข้อเสนอที่ให้ผู้นำเหล่าทัพมาเป็น ส.ว. โดยตำแหน่งนั้น นายองอาจ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้นที่มีการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่าไม่สามารถป้องกันการรัฐประหารได้ และการไม่มีผู้นำเหล่าทัพเป็น ส.ว. คงไม่มีผลกระทบอะไรกับการทำงานของ ส.ว. โดยรวม ดังนั้นควรให้ผู้นำเหล่าทัพไปทำหน้าที่ผู้นำเหล่าทัพเต็มกำลังความสามารถในกองทัพจะเกิดประโยชน์กับประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่า.สำนักข่าวไทย