ทำเนียบ 26 ก.ย.-นายกฯ ยันให้อำนาจกองทัพตัดสินใจดูแลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รับมีการยั่วยุตลอด เมินยกหูคุย “ฮุน เซน-ฮุน มาเนต” มอบ กต.ใช้ช่องทางการทูต ยืนกรานไม่เปิดด่านจนกว่าภัยกัมพูชาจะหมดไป
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึง สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา โดยผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนเรื่องเอ็มโอยู 43 และเอ็มโอยู 44 โดยระบุ ว่าอยู่ในชั้นนโยบาย เพื่อไม่ให้มีข้อขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีก ตอนนี้ให้ทางสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมธิการขึ้นมาศึกษาอยู่แล้ว แต่ในส่วนของนโยบายรัฐบาลจะมีการเสนอให้ทำประชามติเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อถามต่อว่ามีการมองว่าทำไมรัฐบาลถึงให้ประชามติ ทั้งที่ ครม.สามารถตัดสินใจเรื่องนี้ได้ นายกรัฐมนตรีระบุว่าไม่ต้องการให้มีความเห็นต่างใดๆ พร้อมขอว่าวันนี้อย่าเพิ่งถามในรายละเอียด
เมื่อถามถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชามีการยั่วยุในหลายพื้นที่ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ามีการยั่วอยู่ตลอดเวลา ฝ่ายกองทัพก็มีความอดทนเป็นอันมาก และมีความพร้อมเต็มกำลัง ไม่ให้มีการล่วงล้ำ
เมื่อถามว่าให้กองทัพตัดสินใจได้เลยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าถูกต้อง ตนได้ยืนยันกับพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและพลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงท่าทีของรัฐบาล และท่าทีของตน ซึ่งทั้งสองท่านรับทราบแล้ว และเมื่อสักครู่ได้มีโอกาสคุยโทรศัพท์ กับพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ก็มีความเข้าใจในการทำงานและการปฏิบัติการตรงกัน
ส่วนเรื่องปฏิบัติการตอบโต้นั้น นายกฯ กล่าวว่ารายละเอียดขอให้กองทัพเป็นผู้อธิบาย
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี หลังแถลงนโยบายถือว่าปฏิบัติได้เต็มที่จะมีการยกหูคุยกับนายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาเองเลยหรือไม่ เพื่อคลี่คลายปัญหาไม่เช่นนั้นก็จะยืดเยื้ออยู่อย่างนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องการรักษาดินแดน รักษาธิปไตย รักษาความปลอดภัยของประเทศและประชาชนเรื่องนี้เป็นเรื่องของทางกองทัพที่จะมีอำนาจอย่างเต็มที่ เรื่องเปิดด่านย้ำว่าไม่มี จนกว่าความเป็นภัยของกัมพูชาต่อประเทศไทยจะหมดไป ส่วนการดำเนินการทางการทูต ตนได้มีนโยบายให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการต่างประเทศและการทูตอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือการบริหารสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง ก็จะต้องหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หากมีมาตรการใดๆ ก็จะใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจเป็นช่วงๆ ไป.-319.-สำนักข่าวไทย