กองทัพบก 26 ก.ย.-แม่ทัพภาคที่ 2 รับ “กัมพูชา” ป่วนช่วงรับส่งหน้าที่ เคลื่อนจรวด BM-21 มองเป็นสัญญาณบอกเหตุ แต่ขอให้มั่นใจไร้รอยต่อ “มทภ.2” คนใหม่ พร้อมทำหน้าที่
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา ที่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ ว่า ได้รับทราบข้อมูลแล้ว และถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่าย ยังไม่มีการถอนกำลัง และยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งกำลังทหารก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว
ส่วนที่ปรากฏภาพเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าพื้นที่ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ พล.ท.บุญสิน ระบุว่า เป็นสิ่งบอกเหตุว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งยอมรับว่า ผิดข้อตกลงอยู่แล้ว ก็ประท้วงไป
พล.ท.บุญสิน ยังยอมรับว่า เป็นการก่อกวนในช่วงที่จะมีการรับมอบตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพ แต่เชื่อว่าคงไม่มีผล ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ก็ทำหน้าที่อำนวยการยุทธก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ซึ่งรู้ขั้นตอนการปฏิบัติอยู่แล้ว ในขณะที่รัฐบาลชุดปัจจุบันก็เคยอยู่กับรัฐบาลเดิม พร้อมเชื่อว่า จะไปต่อได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งรอยต่อต่างๆ ไม่มีผลกระทบต่อไทย
ส่วนกรณีทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็ก และขว้างระเบิดเข้ามานั้น ไทยก็ต้องใช้ความอดทน และยึดมั่นในข้อตกล งหยุดยิงมาโดยตลอด และเสียงปืน หรือเสียงระเบิด ก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกันอีกครั้ง ซึ่งผู้นำทางทหารของทั้ง 2 ประเทศ ต้องไปพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า การตอบโต้เป็นอำนาจการตัดสินใจของทหาร หรือรัฐบาล พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ต้องเป็นการตัดสินใจร่วมกัน และต้องพิจารณาให้ครบถ้วนว่า ข้อดี ข้อเสีย ที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศชาติและความมั่นคง รวมถึงสิ่งที่จะได้มา คุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งหากการประทะมีเหตุผลน้อย และไม่เพียงพอ อาจจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ แต่ถ้ามีเหตุผล เราก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย
เมื่อถามย้ำว่า ทหารมีอำนาจเต็มใช่หรือไม่ พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ถ้าเป็นเหตุการณ์ซึ่งหน้า มีอำนาจเต็มอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีพนักงานขนส่งพัสดุ ของบริษัทหนึ่ง โพสต์ภาพที่ตั้งของรถถังที่ประจำอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า เราขอความร่วมมือในการไม่เผยแพร่ภาพการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทธโธปกรณ์ หรือพิกัดทางการทหาร ซึ่งในช่วงนี้ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายอะไร อาจจะเป็นภาพเก่า เพราะเราได้หยุดการเคลื่อนไหวตามข้อตกลงหยุดยิงอยู่แล้ว มองว่า เป็นภาพเก่าที่นำมารีวิวใหม่ จึงขอฝากประชาชนไม่ให้ดำเนินการดังกล่าว และลดการโพสต์ เพื่อรักษาความลับทางราชการ
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวมีระเบิดลงที่เนิน 498 ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน ระบุว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และสิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักฐานที่เราต้องเก็บรวบรวมไว้ เพื่อนำไปประท้วงกับคณะผู้สังเกตการณ์ หรือ IOT
พล.ท.บุญสิน ยังย้ำว่า กองทัพจะต้องเป็นสุภาพบุรุษในระดับหนึ่ง แต่เมื่อมีเหตุ หรือเงื่อนไข สถานการณ์ และสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวย เราก็ต้องทำหน้าที่ เพราะเราเป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว และไม่ควรทำตามกระแส ซึ่งจะทำอะไรก็ต้องมีเหตุและผล รวมถึงความมั่นคงของประเทศชาติ และภาพรวม
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสิน ไม่เป็นห่วงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ว่ากำลังเกษียณอายุราชการอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพราะมีบุคคลที่มารับหน้าที่ต่อเนื่องได้อยู่แล้ว อีกทั้งตนก็ยังอยู่เป็นที่ปรึกษาของผู้บัญชาการทหารบก หรือ ผบ.ทบ. และแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ ก็เคยเป็นรองแม่ทัพ และอยู่ในพื้นที่มาโดยตลอด ขณะที่การทำงานร่วมกับรัฐบาลก็เป็นไปในแนวทางเดียวกันอยู่แล้ว และตนเตรียมลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ และจะอยู่ในพื้นที่จนกระทั่งวันสุดท้าย ซึ่งหลังจากเกษียณก็ยังไม่ไปไหน ยังอยู่กับประชาชน และทำงานตามที่ ผบ.ทบ.มอบหมาย
เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ให้ทหารสามารถตัดสินใจได้ทันที พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี และเป็นไปตามนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องเข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยเฉพาะเรื่องที่กระทบกับความมั่นคงในภาพรวม เพราะการตัดสินใจฝ่ายเดียวอาจจะสูญเสียบางอย่าง
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.ได้ฝากอะไรไว้หรือไม่ เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ตึงเครียด แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เราก็ร่วมกันแก้ปัญหา นำพาประเทศให้เกิดความเรียบร้อย พร้อมทั้งยืนยันว่า แม้ฝ่ายกัมพูชาจะใช้อาวุธเล็ก ก็ยังไม่สามารถใช้อาวุธใหญ่ได้ จนกว่ากัมพูชาจะนำอาวุธใหญ่ออกมาใช้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นรังแก
เมื่อถามว่า หากเริ่มช้าจะเสียเปรียบหรือไม่ พล.ท.บุญสิน ระบุว่า ต้องดูตามช่วงเวลา.-313.-สำนักข่าวไทย