รร. เดอะ ทวิน ทาวเวอร์ 18 ส.ค.- ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดกิจกรรมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “สร้างสรรค์สังคมไทยด้วยมือเรา” ในโครงการเด็กอวด(ทำ) ดี รุ่นที่ 3 หวัง เด็กและเยาวชนมีความรู้รักสามัคคี สำนึกความเป็นไทยเพิ่มศักยภาพผลิตสื่อที่มีคุณค่าเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “สร้างสรรค์สังคมไทยด้วยมือเรา” ในโครงการเด็กอวด(ทำ) ดี รุ่นที่ 3 (ครั้งที่ 1) ณ โรงแรม เดอะ ทวิน ทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร โดยมี นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการอำนวยการโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี ,นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ประธานอนุกรรมการพิจารณาคัดเลือกเด็กและเยาวชนในโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี พร้อมด้วยนายนพพร บุญแก้วรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงานเสริมสร้างเอกลักลักษณ์ของชาติ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้บริหารสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมในพิธีเปิดกิจกรรมสัมมนาฯ
นางยุพา กล่าวว่า เราตั้งเป้าว่า อยากให้เด็กและเยาวชนมีความรู้รักสามัคคี และสำนึกความเป็นไทย การจะปลูกฝังเด็กและเยาวชนเราอยากให้พวกเขาซึมซับด้วยการหาข้อมูลของตนเอง การเปิดพื้นที่ นอกจากให้ความรู้ยังเพิ่มศักยภาพของเด็กให้ผลิตสื่อ ให้เป็นนักเล่าเรื่องที่ดีนำสิ่งที่มีคุณค่าและเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ซึ่งเด็กและเยาวชนในปัจจุบันเก่งและสามารถผลิตสื่อได้เอง จึงจำเป็นต้องปลูกฝังเรื่องค่านิยมที่ดี เป็นนักสร้างสรรค์สื่อที่ดีและปลอดภัย โดยเด็กและเยาวชนมีความกระตือรือร้น รวมถึงมีวิทยากรจากมหาวิทยาลัยรังสิต ที่จะสอนตั้งแต่วิธีการคิดการนำเสนอเรื่องราว ครีเอทีฟงานสร้างสรรค์ให้มีความน่าสนใจแต่เต็มไปด้วยสาระความรู้ เป็นอีกหนึ่งเวทีที่เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชน


ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าในอนาคตจะเพิ่มระดับความเข้มข้น โดยเฉพาะ ปัจจุบัน AI เข้ามามีบทบาท เราเน้นเรื่องเทคโนโลยี แต่ต้องไม่ลืมเรื่อง สาระที่ต้องสอดแทรกเข้าไปนำเสนอผ่านเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยสำนักนายกรัฐมนตรีหากกระบวนการคิดเหล่านี้และหาแนวร่วมที่สนับสนุนงบประมาณในการผลิตสื่อที่ดีของเด็กและเยาวชน เพื่อทำให้องค์กรมีความเข้มแข็งขึ้น
“ทุกวันนี้สื่อเข้าถึงทุกคนอย่างง่ายดายแต่อยากให้สังคมมีสื่อที่ดีไปล้างสื่อที่ไม่เป็นประโยชน์และไม่สร้างสรรค์ ดังนั้นโครงการเด็กอวดทำดี นอกจากเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้คิดโครงการที่ดี ได้เรียนรู้จากวิทยากร จึงเป็นสิ่งสำคัญและเราทุกคนต้องช่วยกัน พร้อมขอให้แสดงศักยภาพปล่อยของสร้างสรรค์สิ่งดีๆ และสร้างผลงานสู่สังคม” นางยุพา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี โดยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาและเสริมสร้างเยาวชนไทยให้เติบโตเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ซึ่งถือเป็นกำลังสำลังสำคัญในการสร้างอนาคตของประเทศให้เจริญก้าวหน้า รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในการสืบทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาติ การพัฒนาศักยภาพของเด็ก ทั้งในด้านความสามารถในการเรียนรู้และคณธรรม คำนึงถึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน มีความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ เป็น”คนเก่ง” ควบคู่ไปกับการเป็น “คนดี” ของสังคม จึงเห็นสมควรให้มีการดำเนินโครงการเด็กอวด (ทำ) ดี ขึ้น ซึ่งในปีนี้ เป็นการจัดดำเนินการในรุ่นที่ 3 เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กที่มีอายุระหว่าง 15- 18 ปี ได้แสดงออกทางความคิด พัฒนาศักยภาพ เรียนรู้การทำงางานเป็นทีมผ่านการศึกษา ค้นคว้า และการปฏิบัติจริงร่วมกับบุคลากรในชุมชนหรือท้องถิ่นของตนเอง ภายใต้กรอบแนวคิด “รู้ รัก สามัคคี” เพื่อพิจารณาคัดเลือกรับรางวัล “เด็กไทยต้นแบบ” ต่อไป
โดยมีเด็กและเยาวชนทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 656 ทีม และมีคณะอนุกรรมคัดเลือกทีมที่มีคะแนนสูงสุด 120 ทีม เพื่อร่วมกิจกรรมสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้ จากนั้นจะมีการเวิร์คช็อป การฝึกปฏิบัติธรรมสื่อเพื่อเผยแพร่นำความรู้ไปจัดทำเป็นแบบเสนอโครงการ คัดเหลือ 50 ทีม ซึ่งทีมที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนเพื่อลงพื้นที่นำโครงการไปปฏิบัติจริง เป็นเวลา 4 เดือน เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท เพื่อนำผลงานที่มีความโดดเด่นสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ในการคัดเลือกมอบรางวัลเด็กไทยต้นแบบในเดือนมิถุนายน 2569
ทั้งนี้มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ได้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต กลุ่มบริษัท บีเจซี บิ๊กชี บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และ กลุ่มเซ็นทรัล ที่มีส่วนในการให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไป ด้วยความเรียบร้อย และบรรลุตามวัตถุประสงค์.-316 -สำนักข่าวไทย