รัฐสภา 13 ส.ค.- “พริษฐ์” ชี้ งบฯ 69 ยังให้ความสำคัญน้อยเกินไปในการจัดทำเพื่อรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ แนะให้มีการควบรวมหน่วยงาน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในระบบราชการ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 จัดอันดับความสำคัญงบประมาณน้อยเกินไป เพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่จะตามมา ทั้งจากข้อตกลงกับสหรัฐฯ และระเบียบโลกที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งผลกระทบรุนแรงอย่างรุนแรงต่อปากน้อยประชาชนทุกภาคส่วน
นายพริษฐ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีการปรับลดงบประมาณเพียง 8,920 ล้านบาท เพื่อต่อกรกับวิกฤติที่เกิดขึ้นจากกรณีภาษีตอบโต้สหรัฐฯ และเชื่อว่า สิ่งที่ไทยขาดมากที่สุดไม่ใช่ปริมาณของงบประมาณ แต่คือประสิทธิภาพการใช้งบประมาณอย่างตรงจุดและคุ้มค่า
นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะดูงบประมาณจากกระทรวงไหนก็สามารถค้นพบงบประมาณบางส่วนที่ปรับลดได้ หรือโยกงบประมาณไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานที่หรูหรา ใหญ่ มีมากเกินความจำเป็น หรืองบประมาณที่นำไปพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่แม้ทำไปแล้วก็ไม่มีคนใช้ หรืองบสัมมนาที่อาจไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
นายพริษฐ์ กล่าวถึง ความซ้ำซ้อนในการจัดทำงบประมาณ คือ 1.การแยกกันทำ 2.แย่งกันทำ และ3.ย้ายออกไปทำ โดยในส่วนของการแยกกันทำ คือ การที่มีโครงการที่เป็นประโยชน์แต่คาบเกี่ยวกับภารกิจหลายหน่วยงาน แต่หน่วยงานดังกล่าวต่างคนต่างทำมากกว่าร่วมกันทำ ตัวอย่างชัดเจนสุด คือ แฟลตฟอร์มยกระดับทักษะแรงงาน มี 12 แฟลตฟอร์ม จาก 12 หน่วยงาน คาบเกี่ยว 5 กระทรวง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีความพยายามรวบรวมแฟลตฟอร์มเหล่านี้ และในปี 69 เรามีหลายหน่วยงานขยันของบประมาณทำแฟลตฟอร์มการเรียนรู้ใหม่ๆ
ส่วนปัญหาแย่งกันทำ หรือ ความซ้ำซ้อนในระดับภารกิจ คือ การที่หลายหน่วยงานจัดวางภารกิจที่แตกต่างกันและไม่ซ้ำซ้อนอย่างชัดเจน แต่ทางปฏิบัติหลายหน่วยงานมีการขยายภารกิจตัวเองที่เสี่ยงไปซ้ำซ้อนหน่วยงานอื่น
ส่วนปัญหาย้ายออกไปทำ หรือ ความซ้ำซ้อนระดับหน่วยงาน นั้นคือ การที่มีหลายหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมากับภารกิจที่เสี่ยงจะซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายพริษฐ์ เชื่อว่า หากเรามีการศึกษาและพิจารณาควบรวมหน่วยงานที่เสี่ยงที่จะซ้ำซ้อนกันอย่างจริงจัง จะทำให้โครงการและกิจกรรมของรัฐมีความสะเปสะปะน้อยลง และก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทรัพยากรมากขึ้น และทำให้หน่วยงานของรัฐมีการผลิตแผนที่น้อยลง แต่ทำงานในทิศทางเดียวกันมากขึ้น
“หากเราไม่เริ่มต้นมาปรับปรุงการจัดทำงบประมาณโดยการลดความซ้ำซ้อนที่แทรกอยู่ในทุกระดับของระบบราชการ ประเทศเราเสี่ยงที่จะไม่เหลืองบประมาณเพียงพอในการแก้ปัญหาสำคัญๆของพี่น้องประชาชน และเสี่ยงจะไม่มีความคล่องตัวมากพอในการรับมือวิกฤติกับปัญหาใหม่ๆที่ถาโถมเข้ามา”นายพริษฐ์ กล่าว.-315 -สำนักข่าวไทย