กทม. 21 ก.ค.- “สุรเดช” กระทุ้งกต. แถลงขอกัมพูชาช่วยเก็บทุ่นระเบิด ไม่รู้ช่วยเก็บหรือเพิ่ม ซัดผู้นำไม่น่าเชื่อถือ ถึงเปลี่ยนคนใหม่ แต่ยังพรรคเดิม ประชาชนก็แคลงใจ พร้อมให้กำลังใจทหารหาญแนวหน้า ปลื้มแม่ทัพภาค 2 เด็ดขาด ไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตยไทย
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ในนามส่วนตัวถึงการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาประณามการลอบวางทุ่นระเบิด ขณะเดียวกันกลับขอให้ทางการไทยและกัมพูชา ช่วยกันเก็บกู้ระเบิด ว่า ความคิดเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรค ตนมองว่า เป็นเรื่องแปลก เพราะถ้ากัมพูชา เป็นคนวาง และเราขอให้เขามาช่วยเก็บกู้ระเบิด ตนก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการเก็บกู้ หรือมาวางเพิ่ม ตนคิดว่าการเจรจาแบบนี้ไม่เป็นผลดี เราต้องตรวจสอบพื้นที่ของเราเอง เราไว้ใจใครไม่ได้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทางที่ดีที่สุด คือ ทหารเราจะต้องตรวจสอบเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าการดำเนินการของรัฐบาลช้าเกินไปหรือไม่ นายสุรเดช กล่าวว่า ช้ามาก และช้ามาตลอดก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงช้าอย่างนี้ โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ เพราะปกติจะต้องมีแอ็คชั่นตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะต้องมีการแจ้งประเทศพันธมิตร ต้องอธิบายว่าเราไม่ได้ไปรังแกเขา มีแต่เขาที่เข้ามาละเมิดอธิปไตยของเรา ซึ่งเราก็ต้องป้องกันอธิปไตยของเรา ถ้ามีเรื่องอะไรที่ขัดแย้งกันเป็นรายวัน ก็ต้องบอก หรืออัปเดตให้ประเทศอื่นๆ ทราบ เพราะถ้าต่อไปหากมีการปะทะกัน ประเทศอื่นๆ จะได้เข้าใจว่าเราไม่เคยไปรังแกใครก่อน เราเพียงป้องกันตัวเอง
เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นลูกชายนายทหาร อยากให้กำลังใจทหารไทยอย่างไรบ้าง นายสุรเดช กล่าวว่าตน อยากให้กำลังใจทหารหาญของประเทศอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีความเด็ดขาด และรักษากฎเกณฑ์ กติกาดีมาก ไม่ให้มีการละเมิดอธิปไตยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้ามีความจำเป็นที่เราจะต้องปกป้องอธิปไตยถึงขนาดจะต้องปะทะกัน ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่เราจะต้องให้ทั้งโลกรู้ว่าเหตุการณ์นี้ เราไม่ได้เริ่มก่อน แต่มันเกิดจากฝั่งกัมพูชาชัดเจน และศาลโลกเราก็ไม่เคยยอมรับตั้งแต่สมัยปราสาทเขาพระวิหารมาแล้ว เพราะฉะนั้น กัมพูชาจะไปศาลโลก หรือศาลไหน ก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเรา แต่กระทรวงการต่างประเทศของเรา ต้องทำงานให้ดี และมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ จึงอยากฝากไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำรัฐบาล ควรจะดูตรงนี้ด้วย
“ที่ผ่านมา ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกัมพูชา จึงใช้แผนที่ 1/200,000 เพราะเท่าที่ทราบเวลากัมพูชาไปดีลกับทางประเทศเวียดนาม ก็ใช้แผนที่ 1/50,000 ซึ่งก็เหมือนของไทยที่ใช้ 1/50,000 แล้วกัมพูชาไปเอามาจากไหน ที่ใช้ 1/200,000 กับประเทศไทย ประวัติศาสตร์ในอดีตเราก็ชัดเจนว่าปราสาทตาเมือนธม หรือปราสาทตาควาย อยู่ในแผ่นดินไทยมาตั้งแต่อดีต เพราะฉะนั้นก็น่าจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจน เหมือนที่ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ได้เคยพูดไว้เหมือนกันว่าต้องนำหลักฐานออกมาแสดงให้ชัด” นายสุรเดช กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าจะไม่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวพูดคุยกับนายฮุนเซนอีกแล้ว เพราะกลัวถูกอัดคลิป นายสุรเดช กล่าวว่า ความคิดเห็นส่วนตัว ตนมองว่า การเจรจาเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ จะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการเจรจาไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ หากใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวไปเจรจา และทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติ จะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ ซึ่งในระดับประเทศแล้ว ไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวใด ที่สำคัญกว่าเรื่องของประเทศชาติ และตนเห็นว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวนี่แหล่ะ ที่ทำให้นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ที่ไปเรียกอังเคิล
“ความเห็นส่วนตัวในฐานะที่ผมก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ผมคิดว่าขณะนี้ผู้นำเรา ไม่น่าเชื่อถือแล้ว ต่อให้เปลี่ยนผู้นำใหม่ เป็นนายชัยเกษม นิติสิริ ก็ยังคงเป็นคนของพรรคเดิม ประชาชนก็ยังคงแคลงใจอยู่ดี และยิ่งนายทักษิณ ยิ่งไม่เกี่ยวใหญ่ นายทักษิณ เป็นใคร มีตำแหน่งอะไร ปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดทางการเมือง และไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการเจรจา หากจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาเจรจาเรื่องดังกล่าวอาจไม่ถูกต้อง เพราะควรเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศทั้งสองที่จะไปว่ากัน การพูดของนายทักษิณ ที่ระบุว่าจะไม่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวพูดคุยกับนายฮุนเซนอีกแล้ว อาจจะเป็นการพูดที่ยิ่งตอกย้ำตัวเอง ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าตัว”นายสุรเดช กล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าถ้ายังเป็นรัฐบาลชุดนี้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาคงแก้ไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ นายสุรเดช กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัว ตนคิดว่าคงแก้ได้ยาก มันต้องเปลี่ยนผู้นำเป็นของพรรคอื่น จากพรรคไหนก็แล้วแต่ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา ขณะนี้มีการทะเลาะกันขนาดนี้แล้ว ตนอยากเสนอให้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ เอ็มโอยู 44 ไปเลย เป็นการเอาวิกฤต เป็นโอกาส แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน.-319 -สำนักข่าวไทย