“รังสิมันต์” เตรียมถกปัญหาใน กมธ.มั่นคงฯ ผู้หนีภัยในพื้นที่พักพิง

รัฐสภา 17ก.ค.-“รังสิมันต์” เตรียมถกปัญหาใน กมธ.มั่นคงฯ ผู้หนีภัยในพื้นที่พักพิง หาข้อยุติและปฏิบัติได้จริง มองหากเริ่มจัดการไทยได้ประโยชน์ ไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง ขออย่าเอาคำสอนผิดๆ มาดิสเครดิตกัน

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะ กรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ และการปฏิรูปประเทศ พร้อมด้วยตัวแทนจาก คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน, คณะกรรมาธิการการแรงงาน, คณะกรรมาธิการกิจการเด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศและคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจาก เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติมูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน เครือข่ายเพื่อนสันติภาพกะเหรี่ยง เพื่อส่งข้อเสนอ และข้อมูล ให้พิจารณาเกี่ยวกับผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวชายแดนไทย-เมียนมา


นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ประเด็นหลักสำคัญเป็นในเรื่องของผู้หนีภัยการสู้รบโดยเฉพาะในพื้นที่ที่พักพิงชั่วคราว บริเวณชายแดนไปกัมพูชา หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย ของสหรัฐฯ ได้เกิดผลกระทบอย่างมากในเรื่องของการดูแลผู้หนีภัย การสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวอยู่กันมานานแล้วมากกว่า 3 ทศวรรษ ถึงต้องยอมรับว่าเมื่อมีการตัดงบประมาณในการสนับสนุนก็จะเกิดข้อกังวลหลายประการในเรื่องของการดูแลการจัดการมีข้อกังวล ไปถึงขั้นว่าคนเหล่านี้จะไม่สามารถอยู่ในพื้นที่พักพิงได้อีกต่อไป

ดังนั้น คณะกรรมาธิการความมั่นคงและ คณะกรรมาธิการอื่นๆ ที่มารับหนังสือในวันนี้ จึงรับหนังสือจากตัวแทนที่เกี่ยวข้องรวมถึงภาคประชาสังคมที่มีการทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้กรรมาธิการความมั่นคงจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้โดยไม่มีการเชิญสภาความมั่นคงแห่งชาติ, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงแรงงาน รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ด้วยซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การพิจารณาครั้งแรกเราเคยมีการพิจารณาทำนองนี้มาก่อนหน้านี้แล้วและทำรายงานการศึกษามาแล้ว ซึ่งหลังจากทำข้อเสนอต่างๆส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมต่อ ให้เกิดเป็นแนวทางที่ยุติและปฏิบัติได้จริง


ตัวแทนภาคประชาสังคม กล่าวว่า การบริหารจัดการเพื่อจัด ระเบียบการเปลี่ยนผ่านจากเงื่อนไขการพึ่งพาเดิม จึงมีความจำเป็น ที่จะนำข้อเสนอ และการศึกษา มาให้ช่วยพิจารณาและผลักดันให้เกิดขึ้นจริงต่อไป 1. รัฐบาลไทยควรอนุมัติโครงการนำร่องเพื่อจัดระเบียบการออกมาทำงานของผู้หนีภัยการสู้รบในขอบเขตพื้นที่ชายแดนโดยเร่งด่วน 2 รูปแบบการจัดการควรมาจากการปรึกษาหารือระหว่างรัฐกับนายจ้างองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นองค์กรมนุษยธรรมและภาคประชาสังคมผู้ลี้ภัยในแต่ละท้องถิ่น เพื่อปรับปรุงรูปแบบและสามารถนำไปสู่การขยายพื้นที่ต่อไปได้ในอนาคต 3. ให้ผู้หนีภัยเข้าถึงโอกาสการเป็นแรงงานได้จริงโดยระบบการจ้างงานจะต้องมีขั้นตอนน้อยที่สุดและไม่คิดค่าธรรมเนียมการทำบัตรประจำตัวกับใบอนุญาตทำงานจากผู้หนีภัยการสู้รบ 4 รัฐบาลควรส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชนในการจัดการเรียนการสอนภาษาไทยในพื้นที่พักพิงทุกแห่ง 5 รัฐบาลควรประสานความร่วมมือกับ unhcr เพื่อสำรวจคัดกรองทำฐานข้อมูลทางทะเบียนให้แก่ผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นประชากรแฝงต่อไป

“เราไม่ควรนำเรื่องนี้ไว้ใต้พรมอีกต่อไป คณะกรรมาธิการความมั่นคงเคยได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ ของพื้นที่พักพิงและรู้สึกว่าถึงเวลาที่จะต้องจัดการสักที ที่ผ่านมาผลักดันให้ไปอยู่ในประเทศที่ 3 แต่ข้อมูลประชากรในพื้นที่มีจำนวนมาก คนบางกลุ่มอาศัยเรื่องนี้เพื่อมาดิสเครดิต วันนี้ภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นต่อประเทศไทยที่มาจากต่างชาติยืนยันว่าไม่ใช่คนจากกลุ่มนี้ เพราะพวกเขาไม่ได้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีเลยดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจังและการจัดการครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์แน่นอนแต่การจัดการนี้จะเป็นการจัดการที่นำไปสู่ การที่ทำให้ไทยได้ประโยชน์สูงสุด ยืนยันผลประโยชน์ของชาติ ผลประโยชน์ของประชาชนที่หนีภัยการสู้รบสามารถไปร่วมกันได้ไม่จำเป็นต้องทิ้งใครหรือต้องผลักไสใครไปทั้งสิ้น อย่าเอาประเด็น ที่ถูกสอนกันมาผิดๆมาใช้ในการโจมตีหรือดิสเครดิตเลย” นายรังสิมันต์ กล่าว

ทั้งนี้ กรอบในการหารือหลักๆ ถึงต้องพูดกันตรงๆว่าจะดำเนินการอย่างไร เงินจากภาคเอกชน NGO ทั้งหลายถูกตัดออกไปแล้ว จึงต้องดำเนินการที่จะจัดการรวมไปถึงข้อเสนอข้อเรียกร้อง ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้มีการพูดกันมาตั้งนานแล้ว มีรายงานออกไปแล้วบางส่วนก็สำเร็จ เช่นการให้สัญชาติ กับกลุ่มชาติพันธุ์ แต่ในส่วนของผู้หนีภัยการสู้รบ ยังไม่มีความชัดเจนจากทางรัฐบาล ดังนั้น วันนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วอยู่ที่การลงมือ.-319.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]