จวก DSI ไม่ทำหน้าที่ ปล่อยผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ลอยนวล

รัฐสภา 27 พ.ค. -“สว.กอบ” แถลงจวก DSI ไม่ทำหน้าที่ ปล่อย “ณฐพร” ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ลอยนวล ย้ำไม่มีฮั้ว บี้กกต.เรียกสว.สำรองสอบคดีฮั้วด้วย ยันไม่จำเป็นต้องเลื่อนวาระเลือกป.ป.ช.เพราะกม. ให้มีอำนาจ แม้ที่มาผิดไม่ส่งผลเป็นโมฆะ ด้าน “สว.ฉัตรวรรษ” เตรียมส่งข้อมูลเข้า ป.ป.ช.เพิ่ม


พันตำรวจเอก กอบ อัจนากิตติ โฆษกคณะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ แสงเพชรคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา 2 สว.แถลงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องฮั้ว สว.

โดยพันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า ในช่วงนี้มีการนำกฎหมายมาหาประโยชน์ ทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขณะนี้มีการกล่าวหาฝ่ายนิติบัญญัติ คือ สว. ซึ่งเป็นองค์กร หน่วยงานที่ใช้กฎหมายแทนพี่น้องประชาชน ว่ากระทำการฮั้วการเลือกตั้ง ได้มาโดยมิชอบ ตนในฐานะกรรมาธิการการกฎหมาย และการยุติธรรม จึงขอแถลง ให้ทราบว่า วุฒิสมาชิกชุดปัจจุบันชุดที่ 13 ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ เราปฏิบัติตาม กฎหมายเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสว. และระเบียบข้อบังคับเงื่อนไขที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กำหนด ได้รับการรับรองตามกฎหมาย รวมถึงปฏิบัติหน้าที่ภายใต้รัฐธรรมนูญและข้อบังคับในการประชุม ดังนั้นการที่กล่าวหาว่ามีการฮั้วสว. เป็นการใช้ถ้อยคำที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรนิติบัญญัติของรัฐ โดยคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่สำนึกนำพาในการที่จะเคารพกฎเกณฑ์กติกา ในการปกครองของบ้านเมือง พยายามสร้างให้วิกฤตให้ประเทศ อย่างน้อยผู้ที่มีหน้าที่ทำตามกฎหมาย ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่สำคัญ หน่วยงานหนึ่ง มีหน้าที่ทำกฎหมายตามกรอบที่กฎหมายกำหนดแต่ไม่ทำ กลับไปทำตามกฎหมายนอกกรอบตัวเอง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานอื่น ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ DSI ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ 2547 มีเจตนารมณ์เพื่อให้พนักงานสอบสวน ในกรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิบัติหน้าที่เป็นกลางเพื่อให้เกิดความยุติธรรม ต่อหน่วยงานองค์กร และพี่น้องประชาชน แต่กลับใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ขณะนี้ได้มีการกล่าวหาวุฒิสมาชิก ว่ามีการฮั้วการเลือกตั้ง จนเกิดความเข้าใจว่าสว.ไม่สุจริต จึงอยากบอกว่า การใช้กฎหมายที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่องค์กรนี้เป็นการกระทำที่ไม่ชอบ โดยพันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่าขณะนี้มีประเด็นถึงขนาดจะให้สว. ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเมื่อวานตนได้รับเอกสารเชิญ จากประธานคณะกรรมการไต่ส่วนกลางคณะที่ 26 ของกกต. ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา 4 มิถุนายน ซึ่งจะไป ขณะที่มีองค์ประกอบของพนักงาน DSI มาร่วมด้วย และก่อนหน้านั้น DSI ได้พยายามก้าวล่วงเข้ามาในเขตอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งในคดีเกี่ยวกับกระทำผิดตามกฎหมายเลือกตั้งจะต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของกกต.แต่เพียงผู้เดียว แต่ปรากฏว่า DSI พยายามโยงเรื่องนี้ให้เป็นการเมืองจะดำเนินคดีกับสมาชิกวุฒิสภาในข้อหาฟอกเงิน พยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดความวุ่นวาย ในขณะที่มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คือ นายณฐพร โตประยูร แต่กลับไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ซึ่งทราบว่าขณะนี้มีหนังสือจากสำนักงานอัยการอย่างน้อย 2 ฉบับ ให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งรัดส่งตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินไปให้พนักงานอัยการดำเนินคดี แต่DSI กลับละเลยไม่ดำเนินการส่งตัวผู้ต้องหาให้อัยการดำเนินคดีทั้งที่ผู้ต้องหาคนนั้นลอยนวลแถลงข่าวกล่าวหาองค์กรต่างๆว่าเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้กระทำผิด แม้กระทั่งเดินต่อหน้าDSI ก็ทำเป็นมองไม่เห็น


พันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า อยากให้สังคมวิเคราะห์ข่าวสารว่าการกระทำที่เกิดขึ้นเกิดจากการใช้กฎหมายตรงไปตรงมาหรือไม่ อยากบอกว่าการไม่เคารพกฎหมายทำลายกระบวนการยุติธรรมก็คือการทำลายความมั่นคงของชาติ

สำหรับกรณีที่นายณฐพรเป็นผู้ต้องหามีคดีติดตัวจะส่งผลให้เรื่องที่ยื่นไว้เป็นโมฆะหรือไม่ พันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับDSI จะพิจารณา และเราคงจะยื่นเรื่องตามช่องทางที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจและหน้าที่ ที่ให้สว.ไว้โดยการยื่นผ่านองค์กรอิสระ

พันตำรวจเอก กอบ ยังฝากไปยัง กกต. ต้องแจ้งข้อมูลหลักฐานให้ครบถ้วนเพราะหลักการแจ้งข้อกล่าวหาใช้หลักการเดียวกับประมวลกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญา เพื่อให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ถูกต้อง ถ้าใช้เพียงการแจ้งพฤติการณ์ ว่าไปร่วมจัดทำโพย ถือว่าไม่มีพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุ เป็นการแจ้งลอยๆ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในทางกฎหมายถือว่าเป็นการหลงต่อสู้ ไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา และท่านจะต้องรับผิดชอบเพราะเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ


เมื่อถามว่านอกจากยื่นให้ สว. ยุติปฏิบัติหน้าที่แล้วยังมีการยื่นยุบพรรคภูมิใจไทยนั้น พันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา ส่วนเราเป็นองค์การที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนประชาชน

เมื่อถามว่า สว.สำรองปล่อยคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นการฮั้วเลือกตั้งที่จังหวัดนครพนมได้ฟังแล้วหรือไม่ พันตำรวจเอก กอบ ปฏิเสธไม่ทราบเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล ตนจะพูดในแง่กฎหมายว่า กกต. มีหน้าที่สอบสวนให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรม ดังนั้นต้องทำทุกอย่างอย่างมีเหตุและผล หากพบว่า มีการกระทำความผิดในเขตเลือกตั้ง จะต้องดำเนินคดี ดังนั้นถ้า สว. สำรองเป็นผู้สมัคร และสว.ก็เป็นผู้สมัคร การที่ กกต. ไม่ใช้ดุลยพินิจเรียก สว.สำรองมาให้ข้อมูลแสดงว่า กกต. เลือกปฏิบัติ

เมื่อถามว่าการเล่นเกมปล่อยคลิปเสียงเช่นนี้จะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของ สว. หรือไม่ พันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า ไม่เป็นไร ความจริงก็คือความจริง

เมื่อถามว่าการเรียกร้องให้ตรวจสอบ สว.กลุ่มสำรอง เป็นการประเมินแล้วใช่หรือไม่ว่ากระบวนการเลือกสว. ทั้งหมดน่าจะมีการทุจริตทั้งกระบวนการ พันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า ไม่มีคำว่าฮั้ว เพราะฮั้วใช้กับการประมูล แต่ สว. ไม่ใช่วัตถุสิ่งของแต่เป็นคนมีชีวิต

ส่วนที่มีการเรียกร้องเลื่อนวาระการเลือกกรรมการ ป.ป.ช.ในสมัยวิสามัญออกไปก่อน พันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้ามีกฎหมายทำได้เลย แต่ถ้าไม่มีกฎหมายให้อำนาจก็ทำไม่ได้

เมื่อถามว่าได้ประเมินผลกระทบหรือไม่หากมีการเลือกกรรมการในองค์กรอิสระไปแล้ว ก่อนจะชี้ว่าที่มาของ สว.ไม่ถูกต้องจะทำให้การเลือกดังกล่าวเป็นโมฆะหรือไม่ พันตำรวจเอก กอบ กล่าวว่า มันอยู่ที่คน เพราะกฎหมายไม่มีผลย้อนหลังว่าอะไรที่ทำโดยสุจริตไม่มีทางผิดกฎหมาย ซึ่งคำว่าสุจริตหมายถึงทำดี คำว่าทุจริตหมายถึงทำชั่ว

พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ กล่าวว่าได้ยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบ DSI ตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม 2568 ให้เป็นคดีพิเศษ ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.เพราะมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว จึงอยากฝากบอกสื่อมวลชนว่าเรื่องที่ควรทำมีอำนาจไม่ควรทำไปทำเรื่องไม่มีอำนาจ เช่นเรื่องฟอกเงินที่ปล่อยผู้ต้องหาลอยนวล ซึ่งจะหมดอายุความวันที่ 15 มิถุนายน แต่ DSI ไม่เร่งดำเนินการกลับปล่อยให้ผู้ต้องหาไปลอยนวลแถลงข่าวให้สว.เสียหาย ซึ่งเรื่องนี้อัยการสูงสุดออกหมายมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ให้ติดตามตัวและออกหมายจับ จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม ได้เรียกไปอีกแต่ อธิบดีDSIกลับไม่ดำเนินการ ซึ่งถ้าป.ป.ช.เรียกตนไปไต่สวนเพิ่มเติมในคดีที่เคยยื่นไว้ จะนำประเด็นนี้เข้าไปเพิ่มเติมด้วย.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง

ทำเนียบ 2 ส.ค.-รัฐบาลรุกหนักในทุกเวทีระดับโลก..เดินหน้าสื่อสารข้อเท็จจริง ด้วยพยานหลักฐานทุกมิติ ต่อประชาคมโลกผ่าน OSCE-เวทีระดับสูงด้านความมั่นคงของยุโรป ยืนยันหลักสันติวิธี ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ และตอกย้ำว่าการปกป้องประชาชนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิทธิโดยชอบตามกฎหมายสากล พร้อมใช้โอกาสนี้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงในระดับภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าบทบาทของประเทศไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อสื่อสารข้อเท็จจริงและแสดงท่าทีอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ถึงวานนี้ (1 สิงหาคม 2568) ที่ผ่านมา ไทยได้เข้าร่วมการประชุม Helsinki+50 ในกรอบองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe: OSCE) ณ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมี นางครองขนิษฐ รักษ์เจริญ อธิบดีกรมยุโรป เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม โดยในช่วงของการกล่าวถ้อยแถลง หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้ย้ำท่าทีของไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า “ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และหลักการของ Helsinki Final […]

EOD เก็บกู้ระเบิดฝังอยู่ใกล้ปั๊มที่ถูกกัมพูชายิงใส่

ศรีสะเกษ 2 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD ทำลายหัวระเบิด HE ของจรวด BM 21 ที่ฝังอยู่บนถนนกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้กับปั๊มน้ำมันที่ถูกกัมพูชายิงใส่ร้านสะดวกซื้อ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD เริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อทำลายระเบิดที่ฝังอยู่ในถนน บ้านน้ำเย็น-บ้านผือ ฝั่งมุ่งหน้าเขาพระวิหาร ในพื้นที่ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระเบิดที่ฝั่งกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือน โดยจุดที่ระเบิดถูกฝังบนถนนอยู่ห่างจากปั๊ม ปตท. บ้านผือ ไม่ถึง 1 กิโลเมตร เป็นระเบิดที่ถูกยิงมาในวันที่ 24 กรกฎาคม พร้อมกับเหตุการณ์ยิงกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จนมีผู้เสียชีวิต 8 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายมาทำเป็นบังเกอร์ล้อมรอบจุดที่ระเบิดฝังอยู่ในถนน เจ้าหน้าที่ชุดจากตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ตำรวจ ตชด.ที่ 22 อุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย หรือ TMAC โดยมีการปิดถนนรัศมี 1 กิโลเมตร […]

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]