“หมออ๋อง” เหน็บฉากหลังบัลลังก์ ถ้าเยอะไปก็เหมือนโรงลิเก

รัฐสภา 8 พ.ค.- “หมออ๋อง” จี้ถามสร้างอาคารจอดรถเพิ่ม ฝ่ายการเมืองจะเอาเป็นดำริประธานหรือไม่ เหน็บฉากหลังบัลลังก์ ถ้าเยอะไปก็เหมือนโรงลิเก “ไอติม” บอกความเงียบคือคำตอบ เหวอปรับปรุงศาลาแก้ว เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร

ในการคณะกรรมาธิการ พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า สิ่งที่ที่ประชุมจะเดินได้จะต้องมีแบบอาคารเดิม ซึ่งในตอนที่ตนดำรงตำแหน่งรองประธานสภาได้ขอแบบอาคารเดิมไปแล้ว ได้มาเป็นแบบวิศวกรรมอ่านแล้วไม่เข้าใจ เช่นเรื่องภาพหลังบัลลังก์ ของเดิมเป็นอย่างไรไม่ทราบ กลับได้คำตอบมาว่าให้ไปขอข้อมูลจากชิโนทัย ซึ่งเป็นบริษัทผู้ก่อสร้าง ทั้งที่ควรจะมีแบบเดิมตั้งแต่แรก และอีก เรื่องการจ่ายเงินที่ปรึกษา ที่ตนไม่เคยเห็นรายงานของที่ปรึกษามาก่อน


ด้านนายพฤหัส ปราบปรี ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานบริหารจัดการและบริการสถานที่ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานอาคารสถานที่ ชี้ กล่าวตอบว่า หากต้องการแบบอาคารเดิมต้องขอกับเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรวมถึงรายงานของที่ปรึกษาด้วย

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ประธานคณะกรรมาธิการ พัฒนาการเมืองฯ ได้ถามถึงความจำเป็น ของการของบประมาณทำโครงการอาคารที่จัดจอดรถเพิ่มเติม มูลค่า 1,522 ล้านบาทว่า จำเป็นแค่ไหน ทำไมถึงไม่พอแล้วตามแบบดั้งเดิมของอาคารใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีการคาดการณ์จำนวนอาคารจอดรถไว้เท่าใด เหตุใดจึงเปิดทำการไม่ถึง 5 ปี จึงจำเป็นที่ต้องเพิ่มจำนวนที่จอดรถ


นายอรุณ ลายผ่องแผ้ว ผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย กล่าวว่า เดิม เรื่องที่จอดรถขึ้นกับสำนักความปลอดภัย แต่คณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอมีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการศึกษา 3 คณะ เนื่องจากพื้นที่รัฐสภาเป็นอาคารขนาดขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยเกิน 10,000 ตารางเมตรขึ้นไป ตามข้อบัญญัติของกทม. ที่จอดรถ 1 คัน ต้องมีขนาด 120 ตารางเมตร จะต้องมีที่จอดรถหนึ่งคัน แต่แบบที่มีอยู่มีที่จอดรถไม่เพียงพอ มีช่องจอดเพียง 1,935 คัน เราเคยจัดหาและแก้ไขมาหลายวิธีคือการจัดหาพื้นที่บริเวณนอกรอบเพื่อเป็นสถานที่จอดรถชั่วคราว ซึ่งมีความเป็นไปได้ค่อนข้างยาก จากการศึกษาของคณะอนุกรรมธิการคือการใช้พื้นที่ด้านหน้าอาคาร 21 ไร่ เจาะลงไปที่ด้านล่าง ความลึก 11 เมตร ซึ่งจะได้ใช้พื้นที่อย่างเต็มศักยภาพจอดรถได้สูงสุด 4600 คัน

ส่วนการบริหารจัดการที่จอดรถแม้จะไม่ได้ล็อกช่องจอดให้สมาชิกแต่มีการล็อคพื้นที่ในวันประชุมวันจันทร์ วันอังคารจะล็อกพื้นที่ให้ฝั่ง สว. ส่วนวันพุธวันพฤหัส ล๊อกพื้นที่ สส. 500

ด้าน นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากแบบผิดกฎหมาย ผู้รับผิดชอบต้องไม่ใช้ภาษีประชาขนในการแก้แบบ ถ้าแบบเป็นไปตามข้อข้อบัญญัติของ กทม. สัญญาเขียนว่าใครต้องรับผิดชอบ คนทำแผนหรือคนอนุมัติแผน


นายปกาสิต จำเรือง ผู้อำนวยการสำนักอาคารสถานที่ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้บริหารสมัยนั้น ตนเองมาบริหารทีหลังจึงไม่รู้ว่ารับแบบมาถูกหรือไม่ การก่อสร้างสร้างตามแบบอยู่แล้ว อย่างไรเชื่อว่ากรรมการคงจะตรวจรับตามแบบ แต่ที่พวกตนนิ่ง เพราะไม่รู้ในสิ่งที่ ท่านถาม

ด้าน นายพริษฐ์ จึงขอให้ส่งเอกสารทั้งหมดให้คณะกรรมาธิการ ตรวจสอบว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อบอก ว่า เราต้องยอมรับตรงๆ ว่าการออกแบบผิดกฏหมายข้อบัญญัติ กทม. ที่จะต้องมี 3500 ช่องจอด

ขณะเดียวกันนายพริษฐ์ ยังติดใจเรื่องการโอนงบประมาณว่าใช้วิธีใด ถ้าเป็นโครงการใหม่ต้องขออนุมัติงบหรือต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ หรือ ครม.ซึ่งนายเจษฎา และเจ้าหน้าที่การคลัง บอกว่า เป็นเรื่องระเบียบรัฐสภา สามารถโอนงบประมาณเหลือจ่ายได้ ทำให้นายพริษฐ์ ระบุว่าคณะกรรมการตามระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา (คบง.รส.) ซึ่งมีประธานสภาฯ เป็นประธานนั้น มีศักดิ์ ต่ำกว่า พ.ร.บ.งบประมาณ

อย่างไรก็ตามการพิจารณาเรื่องอาคารจอดรถในวันนี้ ยังไม่ได้ขอสรุป โดยนายพริษฐ์ ได้ขอเอกสารโอนเปลี่ยนงบประมาณย้อนหลัง 5 ปี

ด้านนายประดิพัทธ์ กล่าวว่า การใช้งบเหลือจ่ายใช้ยากมาก ตนเคยขอจัดซื้อเครื่องกรองน้ำ มูลค่า 8,000 บาท แต่ไม่สามารถใช้วิธีแบบนี้ได้

พร้อมถามข้าราชการที่มาชี้แจง ว่า ตกลงฝ่ายการเมืองเค้าจะเอาใช่ไหม อาคารที่จอดรถ ตนเห็นใจเจ้าหน้าที่ ถ้าประชาชนไม่มีที่จอดรถเป็นเรื่องของคุณ แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้ใหญ่ไม่มีที่จอดรถ พวกเขาโดนตำหนิ และยังมีผู้ติดตาม สว. เพิ่มขึ้น ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่โดนอะไรบ้าง คิดว่าเจ้าหน้าที่โดนกดดัน แต่อยากถามว่าวิธีที่ให้เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เป็นนโยบายของใครเป็นดำริของประธานสภาใช่หรือไม่ เป็นนโยบายของไทยกันแน่ ที่ทำให้ท่านต้องมาตอบคำถาม ที่กระอักกระอ่วนเช่นนี้ และกังวลได้ขนาดนี้ ไม่ต้องบอกว่าเป็นประธานสภาก็ได้ และนายประดิพัทธ์ ยังบอกด้วยว่า นายพิเชษฐ์ เชื้้อเมืองพาน รองประธานสภา เป็นคนคุม 2 สำนักนี้ คือ สำนักอาคารสถานที่ และสำนักความปลอดภัย ที่ถาม เพราะเลขาฯ สภา มีหน้าที่สนองนโยบายตามดำริของประธานสภา ถามว่าเคยมีเอกสารหรือไม่ หรือว่าเป็นการสั่งปากเปล่า เรื่องราวที่ให้พวกท่านทำผิดระเบียบแบบนี้ ซึ่งทำให้ผู้ที่มาชี้แจงเงียบทั้งห้องประชุม จนนายพริษฐ์ บอกว่าความเงียบมันก็ส่งเสียงของมัน ความเงียบคือคำตอบ

ด้านว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเลขาสภา บอกว่าประธานสภาเป็นประธาน แต่เวลาประชุม มอบหมายนายพิเชษฐ์ เข้าประชุมแทน ตามที่บอกว่ามีความจำเป็น ก็จะมีการประเมินมาเรื่อยๆ ว่ามีปัญหาเรื่องที่จอดรถ จึงเป็นที่มาของโครงการสร้างที่จอดรถ และมีการเสนอความจำเป็นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ตนทราบดูจากเอกสารของสำนักความปลอดภัยเสนอมา

จากนั้นที่ประชุมได้ซักถาม ถึงโครงการพัฒนาโรงภาพยนตร์ 4D ซึ่งนายทิตวัจน์ ณรงค์แสง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานสารนิเทศ ชี้แจงว่าเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด ความจริงคือห้องสารนิเทศ มีไว้ต้อนรับประชาชน เหมือนโรงหนังเล็กๆมีที่นั่งประมาณ 108 ที่นั่ง นอกจากใช้ชมวีดีทัศน์ ยังใช้ในการต้อนรับ และเยี่ยมชมเยี่ยมคารวะ ซึ่งนายทิตวัจน์ เอง ก็สงสัยเหมือนนายพริษฐ์ว่าทำไมตอนก่อสร้าง ไม่มีห้องสารนิเทศ และตนก็ไม่เคยเห็นแบบเช่นกัน

ทำให้นายพริษฐ์ ถึงกับบอกว่า ถ้ามีแบบ แต่ไม่อยู่ในการก่อสร้างก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะย้ำถามถึงความจำเป็น ว่าจะต้องเป็น 4D หรือไม่ เพราะงบ 80% เกี่ยวข้องกับ 4D

ด้านนางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.พรรคประชาชน ถามถึงงบที่ถูกตัดของโครงการ พัฒนาโรงภาพยนตร์ จากเดิมตั้งไว้ 380 ล้านบาท เหลือ 180 ล้านบาท ว่า 200 ล้านบาท คือค่าอะไรที่ถูกตัด ขณะที่กรรมาธิการคนอื่นก็ได้มีการสอบถาม ว่าเหตุใด โรงหนังเอกชน ถึงใช้งบแค่ 50 ล้าน แต่ในที่ประชุมก็ไม่มีคำตอบให้

ขณะที่ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ ชี้แจงว่า ได้แรงบันดาลใจทำโครงการพัฒนาโรงภาพยนตร์ 4D จากการที่ กิจการสภา ไปดูงานของ กฟผ. ที่เป็นจอเสมือนจริง ตั้งใจเป็นศูนย์เรียนรู้ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักเรียนและเยาวชนที่จะมาเยี่ยมชมสภา

นายปดิพัทธ์ ตำหนิว่า ได้แรงบันดาลใจมาจากไหนไม่สำคัญ แต่ไม่ใช่ว่าเห็นอะไรว้าวก็อยากมีหมด แ

นายทิตวัจน์ กล่าวว่า สภาเป็นของทุกคน สส. สามารถไปเยี่ยมชมได้ แต่ถ้าเรามีโรงภาพยนตร์หรือศูนย์เรียนรู้ มีสื่อที่สร้างสรรค์หรือสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชนที่ได้โอกาส เข้ามาชมสภา ก็มีกำลังใจอยากจะทำงานที่สภา หรืออยากจะมาเป็น สส. เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเงิน 180,000,000 ในอนาคตจะแพงกว่านี้ถ้าเราไม่เริ่มต้น แต่ถ้าสส.เห็นว่าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำก็ได้แต่ถ้าจะทำเพื่อประชาชนตนก็สนับสนุน

นายปดิพัทธ์ สวนกลับว่า ในเนื้อหาไม่ได้มีอะไรบอกว่าเป็นศูนย์เรียนรู้ และรายการทั้งหมด เบิกจ่ายว่าเป็นงบเร่งด่วน อยากจะบอกว่าโครงการนี้น่าจะถูกด่ามากกว่าโครงการที่จอดรถ การสร้างแรงบันดาลใจ กับผู้ที่มาเยี่ยมชมรัฐสภา เจอกันตัวเป็นๆกับสส. กินข้าวร่วมกันจับมือไม่ใช่แค่สัมผัสกันผ่านจอ และถ้าเยาวชนไปดูหน่วยงานด้านความยุติธรรมโตมาก็อาจจะเป็นผู้พิพากษา

ขณะที่นายเจษฎา พรหมย้อย ตำรวจรัฐสภา ชี้แจงเกี่ยวกับงบปรับปรุงศาลาแก้ว เพื่อประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ในส่วนของพื้นที่ต่อเนื่องด้านหน้า จะปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อให้ผู้ที่จะเข้ามาในอาคารรัฐสภา ได้ใช้พื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะศาลาแก้วเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงภูมิทัศน์ การใช้งานทั้งหมดของบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาและรองรับกิจกรรมเกี่ยวกับพระบรมราชานุสาวรีย์ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะจะใช้เป็นสถานที่ต้อนรับผู้นำประเทศ-ทูตานุทูต เพราะเป็นพื้นที่ต้อนรับอาคันตุกะ ที่มาเยี่ยมอาคารรัฐสภา โดยจะเป็นพิธีการ และเป็นสถานที่จัดเลี้ยง

ด้านนายพริษฐ์ ถึงกับบอกว่า มองหาความเชื่อมโยงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ออก แต่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์พอจะเข้าใจได้ ซึ่งที่ฟังมาหลักคิดส่วนใหญ่ของศาลาแก้ว คือการใช้ต้อนรับผู้นำต่างประเทศมากกว่าการใช้พื้นที่เพื่อประโยชน์ของประชาชนซึ่ง ปฏิกิริยาของประชาชน ในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็น่าจะบอกได้ การลงทุนก่อสร้างสภาเป็นหมื่นล้าน แต่ยังไม่พอต้องใช้ศาลาแก้วเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์หาความเชื่อมโยงยากจริงๆ

จากนั้นได้มีการสอบถามโครงการ ปรับปรุงฉากหลังบัลลังก์ประธานสภา ซึ่งมีการชี้แจงว่า เป็นเรื่องเกี่ยวกับประชาธิปไตย โดยใช้ทองแดงหนัก 16 ตัน โดยกรมศิลปากรเป็นคนออกแบบ โดยกรรมาธิการมองว่า ถ้าเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของประธานสภา และมองว่าไม่จำเป็น สาระสำคัญของห้องประชุมสภาคือการพิจารณากฎหมาย ไม่ใช่ว่าฉากหลังจะสวยงาม เช่นเดียวกับการปรับปรุงห้อง กรรมาธิการงบประมาณ ก็ไม่เห็นความจำเป็น ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเข้าไปประชุมเพื่อทดลองใช้งานดู พบว่าการใช้งานไม่ได้มีปัญหาอะไร

ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ห้องประชุมถ้าจะออกแบบอะไร ให้สมาชิกดูก่อนได้หรือไม่ ตนมองว่าห้องประชุมถ้ามีอะไรให้ดูมากยิ่งจะไม่ประชุม

“เคยเห็นอย่างเดียวเวลาที่ต้องการฉากหลังอะไรที่เยอะๆ คือโรงลิเก ที่มีจิตกรรมสวยงามอยู่ข้างหลังให้ประชาชนเพลิดเพลินกับโรงลิเก แต่ห้องประชุมควรเป็นห้องประชุม ถ้าจะสื่อสาร 2475 ให้ไปสื่อสารในพิพิธภัณฑ์ดีไหม พุทธศาสนาไปสื่อสารที่วัด สำคัญที่สุดที่อยากรู้แบบที่ส่งมอบข้างหลังมันเป็นอย่างไร ตอนนี้คงไม่ได้สงสัยว่ามันสวยไม่สวย ประชาชนก็จะถามตน ตกลงข้างหลังเสร็จหรือยัง ทำไมถึงเป็นปูนเปลือย ถ้ามันไม่สวยมันใช่ประเด็นไหม นี่เป็นประเด็นของฉากหลัง” นายปดิพัทธ์ กล่าว.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย