รัฐสภา 6 พ.ค.- “วันนอร์” ยังงง “ศาลาแก้ว” สร้างไว้ทำไม ทำแล้วไม่ได้ใช้งาน เผยสำนักงบฯ ไม่ได้ให้ตามขอ ตัดงบสร้างที่จอดรถ-งบไม่จำเป็น ยันต้องปรับปรุงสิ่งที่มีอยู่ให้สมบูรณ์
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของบประมาณในการปรับปรุงต่อเติมรัฐสภา ทั้งที่เพิ่งเปิดการใช้งานเพียง 5 ปี ว่า ความจริงไม่ได้เป็นการต่อเติมอาคารัฐสภาแต่อย่างใด เพราะอาคารรัฐสภาสร้างเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ มีการตรวจรับแล้ว แต่สิ่งที่เป็นข่าว จากที่ตนติดตามดูนั้น เป็นการเติมสิ่งที่มีอยู่แล้วให้สมบูรณ์ เช่น ห้องประชุมชั้น B2 ซึ่งสร้างเสร็จแล้วสามารถบรรจุได้ 1,500 คน แต่ไม่มีโต๊ะ เก้าอี้ เวทีการประชุม จอ เครื่องเสียง ไฟก็ไม่สว่าง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาฯ ตลอดจนผู้บริหารของสภาฯเห็นว่าควรจะทำให้สมบูรณ์ เพื่อใช้ประโยชน์เต็มที่ เราทำงานมา 5-6 ปี แต่ไม่มีใครกล้าไปทำเพราะยังไม่ได้รับมอบ นอกจากนั้นยังมีห้องประชุมชั้น B1 ลักษณะเช่นเดียวกัน เราจึงต้องทำให้สมบูรณ์
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ส่วนศาลาแก้วที่มีการพูดถึงกัน ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถใช้การได้ จึงอยากทำให้สมบูรณ์ ซึ่งขั้นตอนของการของบประมาณ เป็นการเสนอไปสู่สำนักงบประมาณ ซึ่งทางสำนักงบฯ ต้องตัดทอนออกไปอีก หลายอย่างอาจไม่ได้เลยก็ได้ ถ้าไม่มีความจำเป็น บางอย่างจำเป็นแต่ราคาไม่ตรง กับที่ทางสำนักงบฯมีมาตรฐานเรื่องราคาอยู่ เขาก็ต้องตัดออก และเมื่อผ่านสำนักงบฯแล้ว รัฐบาลก็ต้องส่งมาให้ กมธ.งบฯ ก็สามารถตัดได้อีกรอบหนึ่ง ซึ่งในทุกขั้นตอนนั้น ตนเห็นว่าเป็นการดีที่มีการตรวจสอบ ตนอยากให้งบประมาณของสภาฯมีความโปร่งใสมากที่สุด เพราะเราเป็นหน่วยงานของนิติบัญญัติในการที่ควบคุมดูแลทุกฝ่าย รวมทั้งฝ่ายบริหารด้วย ฉะนั้น การที่สมาชิกสภาฯไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือรัฐบาลช่วยตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใส ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี และในขั้นตอนของการใช้งบประมาณเมื่อได้รับงบประมาณแล้ว ถ้าต้องดำเนินการ เช่น ต้องประมูล ประกวดราคา ไม่โปร่งใส ตนก็อยากให้สมาชิกสภาฯมีการตรวจสอบ รวมทั้งเมื่อใช้แล้วมีประโยชน์อย่างไร
“ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นคำของบประมาณ ซึ่งตนได้เชิญเลขาธิการสภาฯมาคุยแล้ว บางอย่างเขาแจ้งมาว่าไม่ได้ เช่น งบประมาณออกแบบที่จอดรถไม่ได้ทั้งหมด เขาบอกว่ายังจำเป็นน้อย ส่วนบางอย่างที่มีความจำเป็น เขาก็ให้ไปบางส่วน แต่ผมเชื่อว่าเมื่อเข้า กมธ.งบฯ ก็ต้องมีการตัดออกอีกและ สส.ไม่ว่าจะเป็นพรรคฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็สามารถจะสงวนคำแปรญัตติเพื่อมาอภิปรายตัดงบในสภาฯ ได้อีกรอบหนึ่ง ฉะนั้น สำหรับสภาฯไม่มีปัญหา และอยากให้ทุกฝ่ายได้ตรวจสอบให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากสภาฯเป็นสถาบันของชาติ ผมอยากให้เห็นว่าทำอะไรด้วยความโปร่งใส มีความถูกต้องและขณะเดียวกันมีความสมบูรณ์ มีศักดิ์ศรี เมื่อประชาชนเข้ามา จะได้เห็นว่านี่คือสถาบันของเขา สภาฯของเขาดูแล้วสง่างาม และสภาฯนี้ไม่ใช่ใช้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น ประชาชนก็มาใช้ได้ เมื่อเปิดสมัยประชุมจะเห็นว่ามีคนเข้ามาใช้บริหารทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ จึงอยากทำให้เป็นเกณฑ์มาตรฐานเกิดความภาคภูมิใจในตัวของสถาบันนิติบัญญัติของชาติ ไม่ใช่ทำอะไรพอเสร็จๆเท่านั้น” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่า แบบนี้เป็นการของบเผื่อตัดใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ทุกอย่างเมื่อของบ เขามีมาตรฐานแต่สำนักงบฯเขาจะดูความจำเป็น และดูว่างบฯ ก้อนใหญ่มีเท่าไหร่ ฝ่ายรัฐบาลบริหาร กระทรวง เอาไปเท่าไหร่ ฝ่ายตุลาการเท่าไหร่ ฝ่ายสภาฯขอเท่าไหร่ เขาไม่ได้ให้ทุกอย่าง เขาให้ตามความจำเป็นและสมมติว่าราคาจะถูกจะแพงก็อยู่ที่การกำหนดของราคากลาง โดยมีกฎระเบียบอยู่แล้ว ซึ่งของสภาฯ ตนได้ถามเลขาธิการสภาฯแล้ว เขาระบุว่ามีการประชุมกรรมการ โดยเฉพาะมีสำนักนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง กรมบัญชีกลาง กรมโยธาธิการ และบางอย่างซึ่งเป็นเรื่องต่อเนื่องกับศิลปวัฒนธรรมไทย ก็ต้องให้กรมศิลปากรมาช่วยกำหนด บางอย่างตนดูแล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแพงเกินไป แต่เมื่อเขามาอธิบายแล้ว ก็ต้องเห็นด้วยในหลักวิชา แต่ทุกอย่างต้องโปร่งใส และเห็นด้วยที่สมาชิกมีการตรวจสอบ เพราะเราตรวจสอบคนอื่น ดังนั้น ตัวเราต้องได้รับการตรวจสอบให้โปร่งใสด้วยและไม่จำเป็นต้องได้ทุกอย่าง
เมื่อถามถึงศาลาแก้วที่มีคนวิจารณ์ว่ายังไม่ได้ใช้งานแต่กลับของบมาปรับปรุง นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ศาลาแก้ว ยังไม่ได้ใช้งานก็ยังไม่ทราบว่าตอนที่สร้าง สร้างไว้ทำไม เพราะดูอาคารรัฐสภากับศาลาแก้วไม่รู้ว่าสัมพันธ์กันอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่เมื่อสร้างเสร็จและตรงนั้นก็เป็นลานสำหรับที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 ส่วนศาลาแก้วอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ 2 ข้าง เมื่อมีพิธีต่างๆอาจต้องใช้ศาลาแก้ว ฉะนั้น ที่มีงบเข้าไปเป็นการปรับปรุงให้ใช้งานได้
“ทำแล้วไม่ได้ใช้งาน กลายเป็นอนุสาวรีย์เปล่าๆอย่างนั้น ก็ไม่ได้ประโยชน์ และสภาฯในยุคที่ผมและเลขาธิการสภาฯ เข้ามาบริหาร เราไม่ได้เป็นคนจัดสร้าง แต่เราจะเอาสิ่งที่มีอยู่แล้ว มาทำให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ใช่ใช้ประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ของสภาฯและรัฐสภา แต่จะใช้กับประชาชนด้วย” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่า เลขาธิการสภาฯระบุว่าก่อนที่จะเข้าว่าการของบครั้งนี้ได้ผ่าน ประธานและรองประธานแล้ว แสดงว่าประธานได้เห็นชอบแล้วใช่หรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าต้องผ่านตั้งแต่เจ้าหน้าที่ ผอ.สำนักต่างๆ จนกระทั่ง ผู้ที่ได้รับจากประธานคือรองประธานสภาฯ แต่ทั้งหมดเป็นไปตามระบบของการบริหาร ไม่ได้หมายความว่าคนใดคนหนึ่งจะมีสิทธิ์ และเมื่อผ่านงบฯแล้ว ตอนที่จะจัดงบก็ต้องมีการประมูลจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ประจำเท่านั้น ฝ่ายการเมืองที่เข้ามาไม่มีส่วนที่จะกำหนดได้.-319.-สำนักข่าวไทย