“เท้ง” ชี้ต้องเลี่ยงฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับประเทศ

กรุงเทพ ฯ 30 เม.ย.- “เท้ง” ปิดจ๊อบเสวนาภาษีทรัมป์ ชี้ ต้องหลีกเลี่ยงฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับประเทศ ติง รบ. หากกู้มาแล้วต้องรับผิดชอบจนไม่เกิดภาระ ด้าน “ไหม” เชื่อ หากไม่ขยายเพดานเงินกู้ ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว จี้ รื้องบ 69 ได้แล้ว บอกตอนนี้ยังพอมีเวลา ปรับเข้าสถานการณ์


โรงแรมโนโวเทล แพลตตินัม ประตูน้ำ กทม. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังกิจกรรมโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน เวทีเสวนา หัวข้อ แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปี 2568 รับมือกำแพงภาษีและสงครามการค้า ว่า ข้อเสนอที่ได้ในวันนี้ จะเสนอแนะผ่านไปยังรัฐบาล และใช้กลไกคณะกรรมาธิการร่วมด้วย รวมถึงเชิญภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาให้ความเห็น

สำหรับกรณีการกู้เงิน มองว่า ภายใต้วิกฤติแบบนี้ ไม่ได้ติดอะไร หากจะมีการกู้เพิ่มมากขึ้น แต่ต้องดูว่านำไปลงทุนได้ถูกจุด หรือนำไปเยียวยาห่วงโซ่อุปทานหรือผู้ประกอบการในไทยได้หรือไม่ หรือใช้ไปเพียงกับการกระตุ้นการบริโภคอย่างเดียวเท่านั้น


การพูดคุยกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่า มีตัวแทนจากหลายภาคส่วน ทั้งการทูตต่างประเทศ ภาคการเกษตร อุตสาหกรรมต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือจะต้องมีความชัดเจน ในการเข้าไปเจรจากับ สหรัฐฯ เพราะหากยิ่งเราเข้าไปเจรจาช้า แต้มต่อหรือไพ่ต่อรองของเรา จะยิ่งถูกทำให้น้อยลงเรื่อยๆ เพราะประเทศอื่น ๆ อาจจะ สามารถเจรจาได้สำเร็จไปก่อนแล้ว

นอกจากนั้น ตนยังมองว่า ควรมีเวทีหรือคณะทำงานแบบนี้ ที่มีตัวแทนจากหลายภาคส่วน เข้ามาร่วมออกแบบมาตรการและนโยบาย ในการรับมือร่วมกัน เพราะอย่างไรก็จะกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคม ดังนั้น รัฐบาลควรมีการสื่อสารให้ชัดเจน ให้ทุกคนเห็นภาพตรงกันว่า จะดำเนินการอย่างไร ภาคเอกชนและภาคแรงงานในประเทศไทยจะต้องมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหารสามารถใช้อำนาจในการทำคณะทำงานหรือทำเวทีร่วมกับภาคเอกชนหรือส่วนอื่นๆ แบบนี้ได้เลย ขณะเดียวกัน เราซึ่งอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ จะใช้กลไกสภา ทั้งการตั้งกระทู้ถาม หรือคณะกรรมาธิการต่างๆ เพื่อสร้างพื้นที่ให้มีการพูดคุยคู่ขนานกันไป


สำหรับข้อกังวลถึงผลกระทบต่างๆ นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเราต้องพยายามหลีกเลี่ยงฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับประเทศไทย ทั้งการส่งออกหดตัวจากผลกระทบที่เกิดขึ้น สินค้าต่างประเทศล้นทะลักเข้าประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ จนอาจเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้งในอนาคต

ดังนั้น สิ่งที่พวกเราต้องเตรียมรับมือกันในตอนนี้ คือเตรียมมาตรการรับมือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฉากทัศน์นั้นขึ้น รวมถึงการมองไปในระยะยาว ในพื้นที่ทางการคลังที่เหลืออยู่ หากมีการกู้แล้วรัฐบาลในสมัยหน้าๆ จะต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วยเช่นเดียวกัน จะทำอย่างไรให้การกู้ในครั้งนี้ จะสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาและลงทุนได้อย่างถูกจุดมากกว่า

ส่วนหากมีการเยียวยาคู่ขนานกับการเจรจากันไปจริง คาดว่าจะเกิดผลชัดเจนในช่วงไหน เรื่องสงครามการค้าครั้งนี้ คงไม่ได้มีแค่ผลกระทบในระยะสั้น แต่หลังจากนี้ยังจะมีคำสั่งประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปอีก 2-4 ปี ในระยะยาวแน่นอน ซึ่งคงจะต้องมีการตั้งคณะทำงานในระยะยาวต่อไปในอนาคตด้วย

สำหรับหลักประกัน หากจะพูดในเชิงระบบงบประมาณ ณ ปัจจุบัน คงต้องยอมรับตามข้อเท็จจริงว่า อาจจะยังยากอยู่ แต่ในฐานะนักการเมือง พรรคการเมือง หรือรัฐบาล คงต้องใช้ความรับผิดรับชอบต่อประชาชนเป็นหลักประกัน การกู้เงินใดๆ ที่จะเป็นหนี้ของลูกหลานในอนาคต เพื่อนำมาใช้ในการแก้วิกฤติ รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตของประเทศในอนาคต ก็ควรจะต้องใช้จ่ายอย่างมีความรับผิดรับชอบต่อสาธารณะ และในเวทีวันนี้ เราได้มีข้อเสนอหลายๆ อย่าง ที่พร้อมจะส่งไปให้รัฐบาล ว่าควรใช้จ่ายอย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นภาระลูกหลานในอนาคต

สำหรับกรณีล่าสุดที่ Moody”s ratings คงอันดับเครดิตของประเทศไทยประเภท Senior unsecured bond ที่ Baa1 แต่เปลี่ยนแนวโน้ม (Outlook) เป็น Negative จาก Stable นั้น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวเสริมว่า เอาเข้าจริง เรตติ้งจะมีความสำคัญต่อเมื่อเรามีการกู้ยืมจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่การถูกประเมินเช่นนี้ก็ทำให้สะท้อนถึงความอ่อนแอทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ จึงใช้คำว่า เป็นสิ่งที่กระตุกเตือน รัฐบาลให้กลับมาให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้มากขึ้น แต่หากมีการกู้เพิ่มและทำให้ภาระหนี้สินประเทศเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสที่จะทำให้การประเมินในครั้งต่อไป จะนำไปสู่การที่เราถูกลดเรตติ้งจริงๆ ไม่ใช่แค่มีแนวโน้ม ในอดีตเราเคยถูกลดเรตติ้งในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาก่อน แต่ภายในหนึ่งปีหลังจากนั้น เราก็กลับขึ้นมาอยู่ในเรตติ้งเดิมได้

เพราะหากไม่ขยายเพดานเงินกู้ ก็ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ แต่ต้องใช้เม็ดเงินในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อกระตุ้นกระตุกเศรษฐกิจกลับมา และปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ดังนั้น ถ้าไม่ทำอะไรเลย เราก็ยังโดนอยู่ดี และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมา เสี่ยงเดินทางนี้ อาจโดนปรับเครดิตเรตติ้งในระยะสั้น แต่ถ้ากลับมาได้เร็ว ก็เป็นทางเลือกที่เราอยากเปิดให้รัฐบาลลองแสดงฝีมือดู แม้จะเห็นว่าประชาชนส่วนหนึ่ง อาจจะยังไม่ค่อยมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลก็ตาม

เมื่อถามถึงจำนวนเงินกู้ที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่นั้น นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า การขยายเพดานไม่ว่าจะ 75 หรือ 80 เปอร์เซ็นต์ คงไม่สำคัญเท่ากับในอนาคตเราจะมีวิธีการดึงเพดานที่เคยขยายไป กลับคืนมาได้เราจะไม่ เพราะยังมีเรื่องไทม์ไลน์ ที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง เพราะระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาล เหลือเพียงแค่ 2 ปี เราคงไม่สามารถดึงเพดานกลับมาเท่าเดิมได้ในระยะเวลาสั้นนี้อยู่แล้ว กลายเป็นว่าผู้ที่ต้องชดใช้หรือต้องรัดเข็มขัดมากขึ้น จะเป็นรัฐบาลหน้าต่อๆ ไป แต่ก็คงต้องทำเป็นสัญญาร่วมกันของนักการเมืองทั้งหมด ที่สลับกัน เพราะไม่รู้ว่าคราวหน้าใครจะต้องเป็นรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องยึดถือเรื่องนี้ให้มั่น ไม่ให้เหมือนสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ที่มีการขยายเพดาน และรัฐบาลเพื่อไทยที่เข้ามา ไม่ได้มีความพยายามจะรักษาวินัย อีกทั้งยังกู้ในยามที่ไม่จำเป็นต้องกู้ ไม่เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นอย่างตอนนี้

นางสาวศิริกัญญา เน้นย้ำถึงสิ่งที่สื่อสารตลอดเวลา ว่า ต้องรื้องบประมาณปี 69 ได้แล้ว ตอนนี้ยังพอมีเวลาที่จะเอากลับมาทำใหม่ แล้วค่อยเลื่อนการเข้าสู่วาระที่หนึ่งซึ่งจะเข้าสภาก็ได้ แต่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ก็ยังคงเดินตามแนวทางเดิม ไม่มีการแก้ไขงบ 69 เลย ส่งเข้าสภาไปทั้งๆ ที่ ยังไม่ได้ปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน

ส่วนผลกระทบ เราก็เคยยกตัวอย่างให้ดูไปแล้วว่า พื้นที่ทางการคลังในตอนนี้เหลือไม่มากแล้ว แค่ประมาณ 2 แสนล้านบาท หากนำตรงนี้มาเป็นจุดตั้งต้น ก็อาจต้องพยายามรื้องบปี 68 เหลื่อมปี ซึ่งตนมองว่าตัวเลขไม่ใช่น่าจะถึงตามที่เลขาสภาพัฒน์เคยพูดไว้ น่าจะได้น้อยกว่านั้น และหากยังไม่มีการรื้องบปี 69 ก็จะยิ่งทำให้เงินที่สามารถใช้ได้จริงน้อยกว่านั้นมาก ซึ่งเราก็ยังเสนอว่า ควรใช้เงินส่วนหนึ่งในการปฏิรูปเศรษฐกิจและปรับโครงสร้างในระยะยาวด้วย หากนำกรอบงบประมาณมาเป็นตัวตั้ง เราคงไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณเต็มที่ ตนจึงขอให้ปลดตรงนี้ออกไป และให้เป็นทางเลือกของรัฐบาลที่จะพาประเทศผ่านวิกฤติด้วย.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. สั่งฟัน “พิเชษฐ์” พ้น สส.-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

ศาล รธน. 1 ส.ค.-ศาล รธน. สั่งฟัน “พิเชษฐ์” พ้นสมาชิกภาพ สส.-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี เซ่นปมใช้อำนาจรองประธานสภา เสนอตั้งงบฯ และแปรญัตติลง 3 โครงการในพื้นที่ตนเอง เพื่อหวังสร้างคะแนนนิยม ไม่ใช่การดำเนินราชการปกติของรัฐสภา องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ ภัณฑิล น่วมเจิม สส. กทม. พรรคประชาชน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2569 มีการเสนอแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด มีผลให้ สส. สว. หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสองหรือไม่ ตามคำร้องอ้างถึง นายพิเชษฐ์  เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และ สส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและมีการเสนองบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ […]

“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ

ทำเนียบ 1 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เรียกประชุม ครม. วาระพิเศษ เร่งพิจารณารับรองร่างถ้อยแถลงภาษีสหรัฐ 19% ให้มีผลอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือหลักเกณฑ์งบฯ ฉุกเฉินเยียวยาเพิ่มเติมให้เจ้าหน้าที่รัฐ-ประชาชน เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ส.ค.) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เชิญประชุม ครม. นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องของอัตราภาษีตอบโต้จากสหรัฐอเมริกา โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ที่ ห้อง 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล และการประชุมทางสื่ออิเลคทรอนิกส์ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เมื่อเช้านี้ประเทศไทยได้รับแจ้งจาก สหรัฐฯว่า สินค้าจากไทยที่ส่งไปจำหน่ายในสหรัฐฯจะถูกเรียกเก็บภาษี 19% ซึ่งเท่ากับหลายๆประเทศในภูมิภาค ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่จะพอทำให้เรายังคงแข่งขันได้ โดยในกระบวนการเจรจานี้ มีขั้นตอนสำคัญคือรัฐบาลไทยต้อง ออกถ้อยแถลงร่วมไทย-สหรัฐฯ ซึ่งคณะทำงาน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง […]

คณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร-สื่อ ถึงอุบลฯ ลุยพิสูจน์ข้อเท็จจริงชายแดน

ทำเนียบ 1 ส.ค.- โฆษกรัฐบาล เผยคณะทูต-ผู้ช่วยทูตทหาร-สื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เดินทางถึงอุบลราชธานี เตรียมลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อเวลา 09.25 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า คณะผู้แทนทางการทูต ผู้ช่วยทูตทหารจาก 23 ประเทศ พร้อมด้วยสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศรวมกว่า 100 คน ได้เดินทางถึงจังหวัดอุบลราชธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเตรียมลงพื้นที่แนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา การเดินทางในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและ ความโปร่งใสของรัฐบาลไทย ที่พร้อมเปิดพื้นที่ให้คณะทูตต่างประเทศและสื่อมวลชนได้เห็น ข้อเท็จจริงด้วยตนเอง และรายงานต่อประชาคมโลกอย่างเป็นธรรม โดยไม่ปิดบังหรือบิดเบือน คณะทูตต่างประเทศที่ลงพื้นที่ในวันนี้ ประกอบด้วย เอกอัครราชทูต 3 ประเทศ ได้แก่ บรูไน ญี่ปุ่น และเมียนมา อุปทูต 3 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ผู้แทนทางการทูตระดับต่าง ๆ จาก 5 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ […]

สหรัฐประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19%

1 ส.ค. – ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% และมาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนไทย 19% กัมพูชา 19% มาเลเซีย 19% มีผลวันนี้ (1 ส.ค. 68) ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทีมไทยแลนด์ ได้ทำงานอย่างเต็มที่และรอบคอบในทุกมิติ มุ่งมั่นเสนอเงื่อนไขและข้อแลกเปลี่ยนของไทยสามารถยอมรับได้ โดยพยายามรักษาผลประโยชน์ของประเทศไว้ให้มากที่สุด โดยทุกประเด็นการเจรจาล้วนผ่านกระบวนการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้ง และเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของชาติ หากผลการเจรจาออกมาดีเกินคาด เราทุกคนคงจะดีใจไปด้วยกันแต่หากผลออกมาน้อยกว่าที่หวังไว้ ตนหวังว่าทุกท่านจะเข้าใจว่ารัฐบาลและทีมเจรจาได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขอขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ และหวังว่าเราจะก้าวผ่านความท้าทายนี้ด้วยความร่วมมือและพลังใจของพวกเราทุกคน.-สำนักข่าวไทย