“โรม” รับเป็นเรื่องเศร้า ศาลเมียนมาสั่งจำคุก 4 ลูกเรือไทย

รัฐสภา 17 ธ.ค.- “โรม” รับเป็นเรื่องเศร้า ศาลเมียนมาสั่งจำคุก 4 ลูกเรือประมงไทย ซัดท่าทีรัฐบาลไทยต่อความรุนแรง สะท้อนความอ่อนแอ ชี้การตอบโต้ไม่ใช่ให้ไปยิงระเบิด แต่ต้องทำให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย


นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีศาลเมียนมาสั่งดำเนินคดี 4 ลูกเรือประมงชาวไทย และจะมีการปล่อยตัวหลังปีใหม่ว่า เป็นเรื่องน่าเศร้า และเป็นเรื่องที่ตนมีความรู้สึกว่า ครอบครัวของคนที่รออยู่คงจะตั้งคำถามว่า ทางรัฐบาลไทยได้ทำอะไรกับเรื่องนี้ ซึ่งจากข้อมูลที่พูดคุยกับหน่วยงาน ตามกลไกของกรรมาธิการความมั่นคงฯ ก็รับทราบว่า มีหน่วยงานเข้าไปเยี่ยมลูกเรือชาวไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าว ตนไม่ได้ติดใจ แต่สิ่งที่อยากได้ความชัดเจนคือ ตกลงแล้วลูกเรือชาวไทยจะได้กลับ ประเทศไทยเมื่อไหร่ ซึ่งก็ยังไม่ได้รับข้อมูลตรงนี้ และยังไม่ได้รับข้อมูล แม้แต่วีธีการพูดคุยเจรจาหาทางออก และแน่นอนว่าสุดท้ายความชัดเจนที่บอกว่า หลังปีใหม่จะคือเมื่อใด

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า อีกเรื่องที่ยังไม่เห็นคือ ท่าทีของไทยเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงของกองทัพเรือเมียนมาต่อเรือประมง ที่ตนมองว่าเกินความเหมาะสม ความจำเป็นไปมาก แล้วไทยจะไม่มีอะไรเลยหรือไม่ เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนไทยอยากเห็น แต่ตนไม่ได้หมายความว่า วันพรุ่งนี้ไทยจะต้องส่ง กองทัพไปยิงคืน แต่มีวิธีการแสดงท่าทีหลายอย่างที่สามารถจะยกระดับแสดงให้เห็นว่า ไทยนั้นไม่พอใจ


“อย่างการเชิญฑูตเมียนมา และอ่านเป็นบันทึกให้เขาฟัง ซึ่งระดับของมันคือ การแสดงความกังวล มันน้อยมาก มันควรจะแสดงท่าทีที่มากกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประท้วง ที่อาจจะต้องมีการแสดงท่าทีออกมา แต่ก็ไม่เห็นจากรัฐบาล เพราะฉะนั้นวันนี้รัฐบาลของเรา ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากๆว่า รัฐบาลนี้อ่อนแอ แล้วไม่สามารถสร้างความรู้สึกให้กับพี่น้องชาวไทย ได้รับรู้รับทราบว่า เขาจะปลอดภัย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ ระบุว่า น่านน้ำไม่มีหลักหมุดที่ชัดเจน และบางครั้งเป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งปลาที่ว่ายอยู่ก็ไม่ได้สนใจว่า อยู่ในเขตประเทศไหน ส่วนเรือประมงก็พยายามจับปลา เพราะฉะนั้นก็มีโอกาสที่จะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ทับซ้อน สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะต้องทำให้เกิดความรู้สึกปลอดภัยต่อประชาชน ในการที่จะทำมาหากินต่อไป สิ่งนี้ก็คงเป็นเครื่องหมายคำถามต่อรัฐบาลไทยต่อไปว่า รัฐบาลจะเอาอย่างไร แล้วตกลงว่า เรื่องของคนไทย 4 คน ทำได้แค่นี้ใช่หรือไม่

ส่วนที่รัฐบาลชี้แจงว่า เป็นวีธีการทางการฑูต นายรังสิมันต์ มองว่า วิธีการทางการทูตไม่จำเป็นต้องทำแค่นี้ แล้วตนคิดว่า รัฐบาลไทยนั้นทำได้มากกว่านี้ และทำให้คนไทยรู้สึกว่า ปลอดภัยกว่านี้ โดยเฉพาะความเสียหายใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ผู้ที่ถูกยิงแฉลบศีรษะใครรับผิดชอบ รวมทั้งมาตรการการช่วยเหลือ จะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องการความชัดเจนมากกว่านี้


เมื่อถามว่า การดำเนินคดีกับลูกเรือประมง เป็นเป็นขั้นตอนปกติ แต่สามารถขออภัยโทษได้ทีหลัง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การตัดสินให้ใครมีความผิดนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องการต่อสู้คดีนั้นเป็นไปอย่างเต็มที่หรือไม่ และเป็นการต่อสู้ที่อยู่บนพื้นฐานของกระบวนการยุติธรรมจริงๆ รวมทั้งทางการไทยได้ให้ความช่วยเหลือทางทนายความมากแค่ไหน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ซึ่งตอนที่กรรมาธิการความมั่นคงฯ ถามหน่วยงานราชการ และกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้พูดถึงการให้ความช่วยเหลือทางด้านทนายความ และทางคดีเลย สะท้อนเห็นว่าไม่มีความชัดเจนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

“สิ่งที่ผมกำลังตั้งคำถามคือ รัฐบาลจะมอบความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน ที่เขาทำมาหากิน เขาทำมาหากิน เขามีรายได้ และเขาก็เสียภาษี ตกลงแล้วรัฐบาลไม่ต้องทำอะไรเพื่อพี่น้องประชาชนเลยใช่ไหม นี่คือคำถามที่ประชาชนเขาอยากจะรู้ เราใช้เงินงบประมาณหลายส่วนไปกับเรื่องความมั่นคง วันนี้ประชาชนกำลังทวงถามว่า ความมั่นคงของเขา ที่ต้องจ่ายเป็นเงินภาษี ตกลงแล้วจะตอบแทนให้เขาในรูปแบบไหน ผมไม่ได้หมายความว่า เราต้องไปโจมตีด้วยการทิ้งระเบิด แต่มีกระบวนการหลายอย่างที่สามารถทำได้ ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรม เขาได้แสดงออกถึงความไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะที่นี่ไม่ใช่น่านน้ำโซมาเลีย ที่จะมีเรือโจรสลัดติดอาวุธรุนแรง แต่นี่เห็นชัดเจนแล้วว่า เป็นเรือประมง” นายรังสิมันต์ กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]