นายกฯ ลงพื้นที่น้ำท่วมนครศรี-สุราษฎร์ฯ พรุ่งนี้

ดอนเมือง 16 ธ.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ เตรียมบินลงพื้นที่น้ำท่วมนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี พรุ่งนี้ หลังประชุม ครม. ขอคณะต้อนรับแต่กลุ่มเล็ก ชี้ต้องปรับแผน เหตุสถานการณ์หนักขึ้น ยันเครื่องอุปโภคบริโภคยังเพียงพอ

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.67) ตนจะลงพื้นที่ เพราะได้พิจารณากันในเรื่องหน้างานว่าสามารถลงพื้นที่ไปได้ แต่ขอให้การต้อนรับทุกอย่างเป็นกลุ่มเล็กมากๆ ไม่เช่นนั้นจะเดินทางลำบาก ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ประสานพื้นที่กับปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยเรื่องสถานที่จะยืนยันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ เพราะต้องตรวจสอบว่าไปพื้นที่ไหนได้ ตนจะลงพื้นที่หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยพรุ่งนี้จะมีการเลื่อนการประชุมมาเร็วขึ้นกว่าปกติ และภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม. ก็อาจจะไม่ได้มาสรุปผลการประชุมให้ฟัง แต่จะให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลง เพราะจะต้องเดินทางทันที เกรงว่าจะไปไม่ทัน ในเบื้องต้นพื้นที่ที่จะลง จะเป็นจังหวัดนครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี


เมื่อถามว่าตอนนี้หน่วยงานราชการได้รับผลกระทบแล้ว เช่น โรงพยาบาล นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ใช่ค่ะ และได้ทราบข่าวตั้งแต่อยู่ที่ประเทศมาเลเซียแล้ว ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ประเทศมาเลเซีย ก็จะรีบลงพื้นที่ 2 จังหวัดดังกล่าวก่อน ส่วนรายละเอียดการลงพื้นที่ต่างๆจะแจ้งพรุ่งนี้เช้า เนื่องจากไม่อยากเปลี่ยนกำหนดการไปมา ขณะนี้ปลัดกระทรวงมหาดไทยกำลังทำงานอยู่

เมื่อถามว่าจะต้องมีการปรับแผนอะไรหรือไม่ ภายหลังสถานการณ์หนักขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ใช่ค่ะ และได้ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว รวมถึงพูดคุยกับปลัดกระทรวงมหาดไทย ตนคิดว่าเรื่องการช่วยเหลือจะมีเพียงพอในพื้นที่ แต่พอได้รับข่าวจากประชาชนที่ส่งมาไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหน ก็เลยแจ้งให้ผู้ที่รับผิดชอบทั้งหมดให้ลงพื้นที่ดังกล่าว โดยพยายามครอบคลุมทุกพื้นที่


ส่วนอุปสรรคเรื่องของเส้นทางการเดินทางช่วยเหลือประชาชน นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ามีอุปสรรคในการเดินทาง แต่ไม่เป็นไร จะมีการจัดเตรียมรถยกสูง ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้เดินทางได้ แต่ต้องดูว่าพื้นที่ไหนจะสามารถไปได้ โดยจะไปให้มากที่สุด

เมื่อถามว่าพรุ่งนี้ ในการประชุม ครม. จะมีการพูดถึงเรื่องการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีแน่นอน

เมื่อถามว่าปัจจัยพื้นฐานในการช่วยเหลือประชาชนไม่ว่าจะเป็นการอุปโภคบริโภคยังมีเพียงพอหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากในพื้นที่มาว่ายังเพียงพอ เพราะก่อนหน้านี้ที่สถานการณ์ยังไม่หนักเท่านี้ เราส่งเครื่องอุปโภคบริโภคไปเกิน แต่เมื่อลงพื้นที่แล้วจะไปดูหน้างานอีกทีว่าจะเพียงพอไปถึงเมื่อไหร่ จะได้มีการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง.-316.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หวยอลวน12ล้าน

หวย 12 ล้านพาวุ่น “ผู้กองเข้ม” แจ้งความ “ยายแหล่”

หวยอลวนมาอีกแล้ว หลังยายแหล่ แม่ค้าร้านลาบก้อย ที่เพิ่งถูกสลากฯ เป็นเศรษฐีใหม่ 12 ล้านบาท แต่มีตำรวจรายหนึ่ง ไปแจ้งความ ว่าถูกยายแหล่ ยักยอกทรัพย์

แอปฯ “ล่าเหรียญ” ฟีเวอร์ ทำชาวบ้านเดือดร้อน

แอปพลิเคชัน “Jagat” ฟีเวอร์ ทำวัยรุ่นว้าวุ่น แห่ล่าเหรียญแลกเงินที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ทำชาวบ้านและผู้ประกอบการเดือดร้อน ตำรวจเตือนการแชร์พิกัดตำแหน่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพเฝ้าติดตามและฉวยโอกาสขโมยทรัพย์สินได้ และอาจเสี่ยงเจอข้อหาบุกรุก