นายกฯ เปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67

วปอ. 8 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี เปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67 ย้ำ ความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และภัยความมั่นคงทางไซเบอร์ พร้อมผลักดัน Soft Power หารายได้ใหม่เข้าประเทศ ตั้งเป้าทำเศรษฐกิจดิจิทัลร้อยละ 30 ภายในปี 2573


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 67 และกล่าวบรรยายหัวข้อวิชา “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” โดยกล่าวโลกทุกวันนึัเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างๆ เทคโนโลยี เอไอ ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งเราก็เจอปัญหากับการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือปัญหาน้ำท่วม ซึ่งทุกคนคงทราบดีว่ามันมากับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

ดังนั้น ถ้าถามว่าในวันนี้เมื่อเทียบกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เมื่อปีค.ศ. 2000 ค่านิยมหรือความเชื่อนั้น ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเหมือนกับว่าเป็นโลกคนละใบ ซึ่งในปีค.ศ. 2024 นั้นทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม แน่นอนว่าการที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในปีนี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเราก็ต้องมีการเตรียมความพร้อม ในการรับมือและรู้จักกับปัญหาใหม่ๆ เราต้องหาทางออกกับปัญหานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยคุกคามของมนุษยชาติ และในอนาคตเราก็ทราบกันดีแล้วว่า คงจะไม่หยุดอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ


ทุกวันนี้เทคโนโลยีเอไอ (AI) มีความแม่นยำมากขึ้น เรามีปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ก็ชัดเจนขึ้น แล้วปัญหาสิ่งแวดล้อมก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัญหาทั้งหมดนี้เองส่งผลกระทบต่อ พี่น้องประชาชนในทุกระดับ เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย เราได้เตรียมการรับมือปัญหาต่าง ๆ ไว้

จากการที่ได้ไปร่วมประชุมในหลายประเทศ มีหลายประเทศมาเจอกัน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านก็ได้แชร์ภูมิศาสตร์ร่วมกัน ปัญหาที่เจอก็เป็นปัญหารูปแบบคล้าย ๆ กัน เช่น PM2.5 ที่ประสบปัญหาเดียวกัน เพราะฉะนั้นความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญมาก พอได้คุยว่าขอความร่วมมือในส่วนต่างๆ เรากับมิตรประเทศก็จะยินดีในเรื่องของช่วยเหลือกัน พี่จะหลุดพ้นจากปัญหานี้ไปพร้อม ๆ กัน

อย่างเช่นปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจากน้ำท่วมที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่หนักหนาและสาหัสอย่างมาก เพราะนอกจากเรื่องน้ำท่วมแล้วยังมีเรื่องดินโคลนเข้ามาด้วย เพราะน้ำท่วมแค่ 3 วันที่จังหวัดเชียงรายนั้น หนักกว่าน้ำท่วมเป็นเดือน เพราะมีคนที่ได้ท่วมบ้านเรือนประชาชน ท่วมพื้นที่ทุกอย่าง ซึ่งเราก็ต้องพิจารณาไปตามหน้างาน ว่าภัยพิบัติเช่นนี้ เราจะช่วยเหลือได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ เราจะยึดหลักการเดิม แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลง เงื่อนไข (Condition) ต่าง ๆ


“วันนี้ที่ทุกท่านได้มาเรียนในหลักสูตรของ วปอ. จะเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้เตรียมความพร้อม และรับมือกับโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตัวดิฉันเองได้ทำงานอยู่กับภาคเอกชน ซึ่งตัวเองก็ต้องพึ่งพารัฐบาล ซึ่งมั่นใจว่าเราจะทำนโยบายต่างๆสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่มีเอกชน เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนมีส่วนสำคัญ รับประกันในที่นี้ ก็เชื่อได้ว่าเป็นคนสำคัญในการวางแผนนโยบาย หรือแผนพัฒนาในองค์กรของท่านเอง ซึ่งการเรียน วปอ. นี้ ก็จะช่วยให้รู้จักกันมากขึ้น ให้ท่านได้รู้แนวทางการสนับสนุน และองค์กรของท่านได้ดีมากขึ้น”

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยเอง รัฐบาลก็ได้ขับเคลื่อนนโยบาย รองรับต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะภัยของความมั่นคงในหลายประเด็น เช่น ประเด็นความขัดแย้งในสหรัฐอเมริกา – จีน ที่ส่งผลกระทบในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจเองและในเรื่องการแข่งขัน ทางด้านเทคโนโลยี หลายคนอาจคิดว่าจีนจะเอาสินค้ามาขาย ในประเทศไทยและทำให้คนไทยไม่มีที่ยืน และไม่มีตลาดในการขายสินค้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว จีนยังต้องการสินค้าเกษตรของประเทศไทยอยู่มาก เพราะส่วนที่เป็นของเขา ไม่สามารถปลูกการเกษตร ที่จะตอบโจทย์การบริโภคของคนในประเทศเขาเอง

ดังนั้นเรายังสามารถที่จะพัฒนาในเรื่องการเกษตร โดยเพิ่มเอไอ (AI) และเทคโนโลยีต่างๆเพื่อทำให้การเกษตรของเราแข็งแรง พร้อมที่จะส่งออกให้กับจีนมากยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลก็สนับสนุนในเรื่องนี้หรือจะเป็นปัญหาเรื่องความขัดแย้งใน ทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวัน สถานการณ์นี้ก็ส่งผลกระทบต่อไทย และภูมิภาคอาเซียนเป็นอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจของไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกก็ต้องเผชิญกับการปรับตัว อย่างหนักมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเอง รัฐจึงพยายามสนับสนุน ในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ความขัดแย้งหรือปัญหาที่ต้องปรับตัวดีขึ้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงปัญหา ทางออกของเศรษฐกิจไทยนั้น จากที่ได้ไปคุยกับกระทรวงการคลังและของหลายประเทศเพื่อนบ้าน จริง ๆ แล้วการปรับโครงสร้างหนี้หรือช่วยในเรื่องของหนี้ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญก็คือการหารายได้ใหม่ให้กับประเทศ การหาเม็ดเงินใหม่ ๆ เข้าประเทศ เราจึงเชื่อว่าในเรื่องของซอฟพาวเวอร์ จะทำให้เกิดการจ้างงานและเกิดอาชีพใหม่ ๆ เพื่อหาเม็ดเงินใหม่เข้าประเทศ พร้อมยกตัวอย่างบริษัทกูเกิ้ล (Google) มาลงทุนที่ประเทศไทย ซึ่งเขาก็มีบีโอไอ (BOI) คอยให้คำปรึกษาว่าประเทศเราจะลงทุนอะไรบ้าง

และเมื่อเรามีธุรกิจแบบนี้เข้ามาลงทุน จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง จากที่เขาระบุว่าจะมาลงทุน ซึ่งหลังจากนี้คิดว่าจะมีอาชีพใหม่ที่เกิดขึ้น ที่ดินตรงนั้นก็จะพัฒนามากยิ่งขึ้น พอเกิดอาชีพใหม่ก็จะเกิดการจ้างงาน เพิ่มมากขึ้น ก็จะมีเม็ดเงินเข้ามา จะช่วยให้ประเทศเรา เป็นเศรษฐกิจที่ดีและแข็งแรงมากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อประเทศไทยมีทางออกในหลายๆด้าน ก็จะทำให้หนีจากกับดัก จากประเทศที่มีรายได้ปานกลางให้เป็นรายได้สูง ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่จะมุ่งเน้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ความขัดแย้งในประเทศของเมียนมาร์ ก็เป็นอีกหนึ่งของความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งมีผู้ลี้ภัยเข้ามา จากเหตุการณ์ไม่สงบ มีผู้ลี้ภัยเข้ามาประมาณ 200,000 กว่าคน นับตั้งแต่เริ่มวิกฤต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและตนก็ได้มีการพูดคุยกับทางเมียนมาร์ และมีแนวทางว่าจะช่วยได้อย่างไรในเรื่องของปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหา PM2.5 ปัญหาแรงงาน ซึ่งเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ส่วนปัญหาในประเทศนั้นก็ให้เขาคุยกันภายใน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับประเทศเรา เช่น ยาเสพติดที่จะข้ามจากเมียนมาร์มาประเทศไทย ก็เป็นปัญหาค่อนข้างหนัก ซึ่งก็ต้องช่วยกันทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งปัญหาที่ทุกประเทศเจอคือปัญหาที่มีการหลอกให้ชาวบ้านโอนเงินหมดตัวไปไม่รู้เท่าไหร่ ซึ่งต้องขอความร่วมมือในทุกประเทศเพื่อนบ้านเรา และติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อเป็นการจับสัญญาณที่มาจากหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหาที่ว่า หาเบอร์ที่ลงทะเบียนไม่ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศที่จะต้องช่วยเหลือกัน

นอกจากนี้รัฐบาลพยายามผลักดัน การเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล ให้เป็น 30% ของจีดีพี (GDP) ภายในปีพ.ศ. 2573 เพื่อที่จะเสริมสร้างความมั่นคงของไซเบอร์ในประเทศไทยเราได้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าจากการเดินทางไปนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมจีเอ็มเอส (GMS) หนึ่งในปัญหาที่พูดกันทุกๆประเทศ คือปัญหาของสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ฝุ่น ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกคนในการแก้ไขไปในทิศทางเดียวกัน

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงหลักสูตร วปอ.ว่า จะสามารถให้อะไรหลายอย่าง ซึ่งตนได้เรียนมินิ วปอ. ทุกครั้งที่มาจับกลุ่มกัน ช่วยกันทำงานกลุ่ม ซึ่งจะได้คุยกับทุกภาคส่วนและทำความเข้าใจกับหลายหน่วยงาน และขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเข้ารับการศึกษาในรุ่นนี้ จบออกไปก็ขอให้คบหากันอยู่ เป็นอีกสังคมหนึ่งที่ได้มาเจอกัน มีกลุ่มใหม่ ๆ ทำให้มีประสบการณ์มากขึ้น เมื่อจบคอร์สก็ขอให้คบกันไปนาน ๆ ซึ่งตอนที่ตนมาเรียน ก็ทำให้ก็ทำให้ได้รู้จักมุมใหม่ๆ ของข้าราชการและเอกชน และรู้สึกว่าทุกภาคส่วนเราต้องช่วยกัน .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย