นายกฯ เปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67

วปอ. 8 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี เปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67 ย้ำ ความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และภัยความมั่นคงทางไซเบอร์ พร้อมผลักดัน Soft Power หารายได้ใหม่เข้าประเทศ ตั้งเป้าทำเศรษฐกิจดิจิทัลร้อยละ 30 ภายในปี 2573


น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 67 และกล่าวบรรยายหัวข้อวิชา “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” โดยกล่าวโลกทุกวันนึัเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างๆ เทคโนโลยี เอไอ ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งเราก็เจอปัญหากับการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมหรือปัญหาน้ำท่วม ซึ่งทุกคนคงทราบดีว่ามันมากับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

ดังนั้น ถ้าถามว่าในวันนี้เมื่อเทียบกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เมื่อปีค.ศ. 2000 ค่านิยมหรือความเชื่อนั้น ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดเหมือนกับว่าเป็นโลกคนละใบ ซึ่งในปีค.ศ. 2024 นั้นทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม แน่นอนว่าการที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในปีนี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเราก็ต้องมีการเตรียมความพร้อม ในการรับมือและรู้จักกับปัญหาใหม่ๆ เราต้องหาทางออกกับปัญหานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภัยคุกคามของมนุษยชาติ และในอนาคตเราก็ทราบกันดีแล้วว่า คงจะไม่หยุดอยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ


ทุกวันนี้เทคโนโลยีเอไอ (AI) มีความแม่นยำมากขึ้น เรามีปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ก็ชัดเจนขึ้น แล้วปัญหาสิ่งแวดล้อมก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น และปัญหาทั้งหมดนี้เองส่งผลกระทบต่อ พี่น้องประชาชนในทุกระดับ เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย เราได้เตรียมการรับมือปัญหาต่าง ๆ ไว้

จากการที่ได้ไปร่วมประชุมในหลายประเทศ มีหลายประเทศมาเจอกัน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านก็ได้แชร์ภูมิศาสตร์ร่วมกัน ปัญหาที่เจอก็เป็นปัญหารูปแบบคล้าย ๆ กัน เช่น PM2.5 ที่ประสบปัญหาเดียวกัน เพราะฉะนั้นความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญมาก พอได้คุยว่าขอความร่วมมือในส่วนต่างๆ เรากับมิตรประเทศก็จะยินดีในเรื่องของช่วยเหลือกัน พี่จะหลุดพ้นจากปัญหานี้ไปพร้อม ๆ กัน

อย่างเช่นปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจากน้ำท่วมที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่หนักหนาและสาหัสอย่างมาก เพราะนอกจากเรื่องน้ำท่วมแล้วยังมีเรื่องดินโคลนเข้ามาด้วย เพราะน้ำท่วมแค่ 3 วันที่จังหวัดเชียงรายนั้น หนักกว่าน้ำท่วมเป็นเดือน เพราะมีคนที่ได้ท่วมบ้านเรือนประชาชน ท่วมพื้นที่ทุกอย่าง ซึ่งเราก็ต้องพิจารณาไปตามหน้างาน ว่าภัยพิบัติเช่นนี้ เราจะช่วยเหลือได้อย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ เราจะยึดหลักการเดิม แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลง เงื่อนไข (Condition) ต่าง ๆ


“วันนี้ที่ทุกท่านได้มาเรียนในหลักสูตรของ วปอ. จะเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้เตรียมความพร้อม และรับมือกับโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งตัวดิฉันเองได้ทำงานอยู่กับภาคเอกชน ซึ่งตัวเองก็ต้องพึ่งพารัฐบาล ซึ่งมั่นใจว่าเราจะทำนโยบายต่างๆสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่มีเอกชน เพราะฉะนั้นทุกภาคส่วนมีส่วนสำคัญ รับประกันในที่นี้ ก็เชื่อได้ว่าเป็นคนสำคัญในการวางแผนนโยบาย หรือแผนพัฒนาในองค์กรของท่านเอง ซึ่งการเรียน วปอ. นี้ ก็จะช่วยให้รู้จักกันมากขึ้น ให้ท่านได้รู้แนวทางการสนับสนุน และองค์กรของท่านได้ดีมากขึ้น”

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยเอง รัฐบาลก็ได้ขับเคลื่อนนโยบาย รองรับต่างๆที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะภัยของความมั่นคงในหลายประเด็น เช่น ประเด็นความขัดแย้งในสหรัฐอเมริกา – จีน ที่ส่งผลกระทบในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจเองและในเรื่องการแข่งขัน ทางด้านเทคโนโลยี หลายคนอาจคิดว่าจีนจะเอาสินค้ามาขาย ในประเทศไทยและทำให้คนไทยไม่มีที่ยืน และไม่มีตลาดในการขายสินค้า แต่ในความเป็นจริงแล้ว จีนยังต้องการสินค้าเกษตรของประเทศไทยอยู่มาก เพราะส่วนที่เป็นของเขา ไม่สามารถปลูกการเกษตร ที่จะตอบโจทย์การบริโภคของคนในประเทศเขาเอง

ดังนั้นเรายังสามารถที่จะพัฒนาในเรื่องการเกษตร โดยเพิ่มเอไอ (AI) และเทคโนโลยีต่างๆเพื่อทำให้การเกษตรของเราแข็งแรง พร้อมที่จะส่งออกให้กับจีนมากยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐบาลก็สนับสนุนในเรื่องนี้หรือจะเป็นปัญหาเรื่องความขัดแย้งใน ทะเลจีนใต้และช่องแคบไต้หวัน สถานการณ์นี้ก็ส่งผลกระทบต่อไทย และภูมิภาคอาเซียนเป็นอย่างมาก ทำให้เศรษฐกิจของไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกก็ต้องเผชิญกับการปรับตัว อย่างหนักมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นเอง รัฐจึงพยายามสนับสนุน ในเรื่องเหล่านี้ เพื่อให้ความขัดแย้งหรือปัญหาที่ต้องปรับตัวดีขึ้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงปัญหา ทางออกของเศรษฐกิจไทยนั้น จากที่ได้ไปคุยกับกระทรวงการคลังและของหลายประเทศเพื่อนบ้าน จริง ๆ แล้วการปรับโครงสร้างหนี้หรือช่วยในเรื่องของหนี้ ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญก็คือการหารายได้ใหม่ให้กับประเทศ การหาเม็ดเงินใหม่ ๆ เข้าประเทศ เราจึงเชื่อว่าในเรื่องของซอฟพาวเวอร์ จะทำให้เกิดการจ้างงานและเกิดอาชีพใหม่ ๆ เพื่อหาเม็ดเงินใหม่เข้าประเทศ พร้อมยกตัวอย่างบริษัทกูเกิ้ล (Google) มาลงทุนที่ประเทศไทย ซึ่งเขาก็มีบีโอไอ (BOI) คอยให้คำปรึกษาว่าประเทศเราจะลงทุนอะไรบ้าง

และเมื่อเรามีธุรกิจแบบนี้เข้ามาลงทุน จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง จากที่เขาระบุว่าจะมาลงทุน ซึ่งหลังจากนี้คิดว่าจะมีอาชีพใหม่ที่เกิดขึ้น ที่ดินตรงนั้นก็จะพัฒนามากยิ่งขึ้น พอเกิดอาชีพใหม่ก็จะเกิดการจ้างงาน เพิ่มมากขึ้น ก็จะมีเม็ดเงินเข้ามา จะช่วยให้ประเทศเรา เป็นเศรษฐกิจที่ดีและแข็งแรงมากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อประเทศไทยมีทางออกในหลายๆด้าน ก็จะทำให้หนีจากกับดัก จากประเทศที่มีรายได้ปานกลางให้เป็นรายได้สูง ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาลที่จะมุ่งเน้น

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ความขัดแย้งในประเทศของเมียนมาร์ ก็เป็นอีกหนึ่งของความมั่นคงของประเทศไทย ซึ่งมีผู้ลี้ภัยเข้ามา จากเหตุการณ์ไม่สงบ มีผู้ลี้ภัยเข้ามาประมาณ 200,000 กว่าคน นับตั้งแต่เริ่มวิกฤต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและตนก็ได้มีการพูดคุยกับทางเมียนมาร์ และมีแนวทางว่าจะช่วยได้อย่างไรในเรื่องของปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหา PM2.5 ปัญหาแรงงาน ซึ่งเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ส่วนปัญหาในประเทศนั้นก็ให้เขาคุยกันภายใน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับประเทศเรา เช่น ยาเสพติดที่จะข้ามจากเมียนมาร์มาประเทศไทย ก็เป็นปัญหาค่อนข้างหนัก ซึ่งก็ต้องช่วยกันทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งปัญหาที่ทุกประเทศเจอคือปัญหาที่มีการหลอกให้ชาวบ้านโอนเงินหมดตัวไปไม่รู้เท่าไหร่ ซึ่งต้องขอความร่วมมือในทุกประเทศเพื่อนบ้านเรา และติดตั้งเทคโนโลยีเพื่อเป็นการจับสัญญาณที่มาจากหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัญหาที่ว่า หาเบอร์ที่ลงทะเบียนไม่ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศที่จะต้องช่วยเหลือกัน

นอกจากนี้รัฐบาลพยายามผลักดัน การเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัล ให้เป็น 30% ของจีดีพี (GDP) ภายในปีพ.ศ. 2573 เพื่อที่จะเสริมสร้างความมั่นคงของไซเบอร์ในประเทศไทยเราได้

นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่าจากการเดินทางไปนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุมจีเอ็มเอส (GMS) หนึ่งในปัญหาที่พูดกันทุกๆประเทศ คือปัญหาของสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ฝุ่น ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกคนในการแก้ไขไปในทิศทางเดียวกัน

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงหลักสูตร วปอ.ว่า จะสามารถให้อะไรหลายอย่าง ซึ่งตนได้เรียนมินิ วปอ. ทุกครั้งที่มาจับกลุ่มกัน ช่วยกันทำงานกลุ่ม ซึ่งจะได้คุยกับทุกภาคส่วนและทำความเข้าใจกับหลายหน่วยงาน และขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเข้ารับการศึกษาในรุ่นนี้ จบออกไปก็ขอให้คบหากันอยู่ เป็นอีกสังคมหนึ่งที่ได้มาเจอกัน มีกลุ่มใหม่ ๆ ทำให้มีประสบการณ์มากขึ้น เมื่อจบคอร์สก็ขอให้คบกันไปนาน ๆ ซึ่งตอนที่ตนมาเรียน ก็ทำให้ก็ทำให้ได้รู้จักมุมใหม่ๆ ของข้าราชการและเอกชน และรู้สึกว่าทุกภาคส่วนเราต้องช่วยกัน .314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

แฟนนางงามแห่ต้อนรับ “โอปอล” กลับไทยสุดอบอุ่น

กรุงเทพฯ 14 มิ.ย. – แฟนนางงามแห่รับ “โอปอล สุชาดา” Miss World 2025 กลับไทยสุดอบอุ่น ก่อนขึ้นรถแห่ฉลองทั่วกรุง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี มิสเวิลด์ 2025 เดินทางกลับถึงไทย ด้วยเที่ยวบิน TG603 ร่วมงาน ‘Home Coming 72nd Miss World 2025’ ท่ามกลางการต้อนรับสุดอบอุ่นจากแฟนนางงามแน่นสนามบินสุวรรณภูมิ โอปอล กล่าวขอบคุณคนไทย และบอกว่ามงกุฎนี้เป็นของพวกเราทุกคน ตั้งเป้าใช้ตำแหน่งเพื่อช่วยเหลือสังคม หลังจบพิธี โอปอลขึ้นรถโรลส์-รอยซ์เปิดประทุน โบกธงชาติไทย มุ่งหน้าท้องฟ้าจำลอง ร่วมขบวนแห่ฉลองชัยมิสเวิลด์คนแรกของประเทสไทยอย่างสมเกียรติ บรรยากาศที่ท้องฟ้าจำลองมีประชาชนมารอต้อนรับโอปอล บรรดาแฟนนางงามต่างแสดงสัญลักษณ์ด้วยการใส่ชุดสีฟ้า บางคนมีการทำมงกุฎ Miss World มาใส่ และทันทีที่รถของโอปอลเลี้ยวเข้ามายังท้องฟ้าจำลอง มีการโห่ร้องต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนแรงบันดาลใจในการทำรถขบวนแห่ของ Miss World 2025 นี้ นายธีรฉัตร อินถา ผู้ออกแบบขบวน ระบุว่า ได้มีการนำวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างสากลและวัฒนธรรมไทย […]

ประชุม JBC วันแรกเป็นไปด้วยดี สองฝ่ายหารือตรงไปตรงมา

14 มิ.ย.- โฆษก กต. เผยการประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างตรงไปตรงมา พร้อมย้ำไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก สำหรับการประชุมจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย – กัมพูชา หรือ JBC ครั้งที่ 6 ว่าตั้งแต่เมื่อเช้า หลังจากคณะผู้แทนไทยฯ ที่นำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เดินทางถึงกรุงพนมเปญเมื่อวานนี้ ได้รับรายงานความคืบหน้ามาเป็นระยะ และเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เรียกประชุมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ขอให้เรียกประชุมและรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อจะได้มีข้อสั่งการ นายนิกรเดช กล่าวว่า การประชุมเริ่มจากที่พบหารือระหว่างสองประธานไทย-กัมพูชา กลุ่มเล็ก จากนั้นได้เริ่มการประชุม JBC เต็มคณะ เพื่อหารือประเด็นทางเทคนิค ที่อยู่ในขอบเขตการทำงานของ JBC เช่นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการสำรวจภูมิประเทศ ขณะนี้การประชุมก็ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งช่วงบ่ายก็จะเป็นการหารือตามระเบียบวาระที่วางไว้ เช่นการพูดคุยด้านเทคนิค และคาดว่าจะมีการประชุมไปจนถึงวันพรุ่งนี้ บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าหารือกันตามวาระ ถือว่าการประชุมเป็นไปด้วยดี ทั้งสองฝ่ายเดินหน้าคุย และปรับความคิดหากันด้วยดี ฝ่ายไทยหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะมีส่วนช่วยลดความ ตึงเครียดของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น […]

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย