“อนุทิน​” ถกด่วน​ ประเมินสถานการณ์อุทกภัย​

ปภ. 15 ก.ย.- “อนุทิน​” เรียกถกด่วน​ ประเมินสถานการณ์น้ำทุกจังหวัด​ ​กำชับหน่วยงานราชการ​ไม่ต้องรอเบื้องบน​ ​ไม่ต้องกังวลถูกตรวจสอบ​ ยินดีเป็นแบ็กให้ ชี้​ ครม.ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว​ พร้อมสั่ง​ “กฟภ.​-กปภ.” ประชุมพรุ่งนี้ ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ​ อย่าทำเป็นพิธี​ บอกลงพื้นที่หนองคาย ผิดคาด​ ตั้งใจไปรับคำตำหนิ แต่กลับได้รอยยิ้ม​ ยอมรับการป้องกันน้ำยังไม่ดี​ ถ้าไม่ถอดบทเรียนจะกลายเป็นคำด่า​


นายอนุทิน​ ชาญ​วี​ร​กูล​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​หมาดไทย​ เป็นประธานประชุม​กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ​ เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและแนวโน้มสถานการณ์​ รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชน​ที่ได้รับผลกระทบ​ โดยมีนางสาวศุภมาศ​ อิศรภักดี​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิจัยและนวัตกรรม​ นางสาวธีร​รัตน์​ สำเร็จ​วาณิชย์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย​ และ​หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​ เข้าร่วมประชุม​

นายอนุทิน กล่าวระหว่างการประชุมว่า วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการมาประชุม เพื่อรองรับสถานการณ์อุทกภัยในเขตจังหวัดทางตอนเหนือและภาคอีสานของประเทศ อย่างไรก็ตามวันนี้ เรามีความตั้งใจที่จะจัดตั้งให้มีหน่วยงานที่จะเป็นศูนย์กลางในการกระจายข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้บูรณาการความร่วมมือกันให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน


นายอนุทิน กล่าวต่อว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายท่านได้ลงไปตรวจเยี่ยมไปสังเกตการณ์สถานการณ์ต่างๆในพื้นที่ ซึ่งวันนี้เราน่าจะหาข้อสรุปว่าจะมีการป้องกันอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยเกิดความปลอดภัยสูงสุดในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาก็ยังคาดการณ์ว่าในช่วงเดือนนี้จำนวนปริมาณฝนก็ยังคงมีอย่างหนาแน่น เพราะยังได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตนเองก็ได้ลงไปในพื้นที่ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ที่จังหวัดหนองคาย ได้เห็นความร่วมมือของทุกฝ่าย

นายอนุทิน ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องสามารถรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจน ให้กับพี่น้องประชาชนเตรียมการระมัดระวังตัวให้ตัวเองปลอดภัย กระทรวงมหาดไทยได้จัดเตรียมสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ตลอดจนฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด คงจะต้องมีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงต่างๆ ในการฟื้นฟูและเยียวยาทรัพย์สิน จิตใจ นำความเป็นปกติสุขมาให้พี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด

นายอนุทิน ระบุว่า จากการที่ได้ลงไปในพื้นที่ ตนยืนยันว่าหน่วยงานทุกหน่วยงานมีความทุ่มเท มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นภาพที่เห็นแล้วเป็นความร่วมมือที่ดี เข้มแข็งมีทั้งหน่วยงานปกครอง ราชการ ตำรวจ ทหาร ล้วนแล้วแต่อยู่ในพื้นที่ ที่น่าปลื้มใจองค์กรในส่วนต่างๆมูลนิธิระดมเข้าไป สิ่งที่เห็นที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือเราอาจจะยังทำเรื่องของการป้องกันได้ไม่เต็มที่ แต่ในเรื่องของการบรรเทา ในเรื่องของการให้การดูแลคุณภาพจิตใจ สภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าเราได้ทำอย่างเต็มที่ วันนี้ไม่มีสภาพที่ว่าขาดโน้นขาดนี่


“อย่างผมไปจังหวัดหนองคาย ลงพื้นที่ไปหลายชุมชน ตอนแรกก็คิดว่าจะลงไปแล้วจะช่วยผ่อนคลายสภาพความตึงเครียดของพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยอย่างไร กลับกลายเป็นว่าพวกเขาเหล่านั้นมีสภาพจิตใจและอารมณ์ดีมาก จนผมจุกอกเลยนะครับ ว่าเขาโดนภัยธรรมชาติขนาดนี้ เขายังมีรอยยิ้ม มีกำลังใจในการโต้ตอบสื่อสารกันด้วยความเป็นมิตร อันนี้ผมกราบเรียน ผมลงไปผมคิดว่าจะระมัดระวังตัวว่าจะทำอย่างไร จะไปรับคำตำหนิคำวิพากษ์วิจารณ์จากชาวบ้านโดยตรง แต่ปรากฏว่าเขามีความให้กำลังใจพวกเรา ชื่นชมพวกเรา ชื่นชมทหาร ตำรวจ ข้าราชการทุกฝ่าย ตอนนี้มูลนิธิต่างๆก็เข้าไป บางคนเข้าไปช่วยเพราะเป็นวันหยุด ก็เอาของแห้ง ขนมไปให้ เด็กเขาก็สนุกของเขา เราก็เป็นห่วง ต้องใส่ชูชีพ ด้วยจิตใจที่อยากช่วยเหลือชาวบ้าน ก็มีความอบอุ่น ก็เป็นการปลูกฝังให้เขาได้รับสภาวะที่มีจิตอาสา เห็นความสุขจากการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เป็นภาพที่มีความงดงาม เพราะฉะนั้น ในส่วนของฝ่ายราชการเองที่เราจะต้องให้การดูแลพวกเขาอย่างเต็มที่ ผมคิดว่าเราต้องใช้โอกาสนี้ในการที่จะเร่งดำเนินการทุกวิถีทางที่จะคืนความสุข คืนความเป็นปกติให้กับพี่น้องประชาชนเหล่านั้น เขาอาจจะยิ้มกับเราในวันนี้ แต่หากไม่ปรับปรุงแก้ไขรอยยิ้มก็อาจจะเป็นความโกรธขึ้นมาก็ได้ ถ้าเขาให้โอกาสเราแล้ว แล้วเราไม่นำสถานการณ์มาเป็นบทเรียน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ ผ่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในการให้การช่วยเหลือ หากไม่พอก็ขอให้ขยายวงเงินเพิ่มเข้ามา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการขยายงบเงินไปจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จังหวัดอื่นก็ขอให้เตรียมการอย่าให้สะดุด

ส่วนเรื่องการเยียวยา ตอนนี้ได้รับข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีมาว่าให้กระทรวงมหาดไทย ช่วยกันเรื่องการสำรวจความเสียหายของครัวเรือนต่างๆ ซึ่งน่าจะมีแนวทางในการชดเชยเยียวยาค่าเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนเป็นรายครัวเรือน เรื่องนี้ต้องเร่งอย่าชักช้าเด็ดขาด ท่านนายกฯก็ได้เตรียมงบประมาณส่วนนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว ในส่วนการเยียวยาเพิ่มเติมจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยก็ได้รับข้อสั่งการและนำเสนอท่านนายกรัฐมนตรีผ่านเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการเห็นชอบในหลักการ แต่ในเรื่องการดำเนินการก็น่าจะอยู่ภายใต้อำนาจการจัดการของกระทรวงมหาดไทย

“เราอ่านคอมเมนต์พี่น้องประชาขน ทุกคนก็มีความคาดหวังว่าเราจะลดความเดือดร้อน ผมขอมอบเป็นนโยบายตรงนี้เลยว่าไม่ใช่ลดค่าไฟเป็นพิธี แต่ต้องลดเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้น เมื่อวานการประปาจะประชุมวันที่ 25 ผมบอกว่าไม่ทัน ต้องเร่งประชุมพรุ่งนี้เลย” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน เน้นย้ำว่า ไม่ต้องรอเบื้องบน ตอนนี้ไม่มีเบื้องบนแล้ว มีแต่เบื้องล่าง เราอยู่เบื้องล่างประชาชนทั้งนั้น อันไหนที่ดำเนินการได้ก็ขอให้ดำเนินการ

“อะไรที่อยู่เคียงข้างท่านได้ ใครจะมาวิพากษ์วิจารณ์จะมาตำหนิ หรือแม้กระทั่งมาตั้งสอบอะไร ก็ขอเอาเจตนารมย์เป็นหลัก อย่าไปกลัวครับ ถ้าเราทำดีแล้ว มันไม่มีทางที่จะมีอะไรมาทำความเดือดร้อนได้ พวกผมทุกคนพร้อมที่จะปกป้องท่านอย่างเต็มที่ ถ้าทำดีแล้ว อย่างเรื่องถูกสอบสวนถูกดำเนินคดีอะไรต่างๆ ผมว่ารัฐมนตรีต้องรับผิดชอบพวกท่านได้ ไม่อย่างนั้นทำอะไรไม่ได้ เราทำงานมาด้วยกันปีที่ 5 แล้ว มานั่งตรงนี้ตั้งแต่โควิด ตอนนี้ก็น้ำท่วมไม่มีครั้งไหน ไม่มีวิพากษ์วิจารณ์ ขอให้มั่นใจไม่ว่าใครจะตั้งคำถาม เราก็ต้องการต้องดูหน้างาน วันนี้การลงหน้างาน จะทำให้เราสามารถตอบคำถามทุกอย่างได้ พวกเราทุกคนก็พร้อมที่จะทำงานอยู่แล้วครับ เราไปไปทำงาน ไม่ได้ไปเพื่อยืนดูถ่ายภาพ แล้วเอามาลงโซเชียลมีเดีย ผมพูดได้เลยว่าพวกเราทุกคนเลยจุดนั้นไปแล้ว ขอให้เราเชื่อมั่นในเจตนารมย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องผมมั่นใจว่าเราจะผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยดี” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน​ กล่าวว่า​จะมีการติดตามสถานการณ์​น้ำในพื้นที่อุทกภัย​ จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย​ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย​ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย​ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี​ และผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา​ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์​ เข้ามา​ร่วมประชุมด้วย​

ทั้งนี้​ ก่อนเริ่มการประชุม​ นายอนุทิน​ ได้​เยี่ยมชม​ นวัตกรรมของกระทรวง​ อว.​ ที่เตรียมนำไปสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม​ ซึ่งมีทั้ง​ โดรนสำรวจแบบปีกแข็ง ที่ใช้กระจายเสียงแจ้งเตือนประชาชน​ โดรนส่งของให้กับผู้ประสบภัย​ นวัตกรรมอาหารที่เก็บได้นานเป็นปี​ ทั้งข้าวพร้อมทาน​ ไข่พะโล้ ผักกรอบ เครื่องกรองน้ำแบบประดิษฐ์​จากท่อพีวีซี​ นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จากข้อมูลดาวเทียม แสดงพื้นที่น้ำท่วม น้ำล้นตลิ่ง และพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม .319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]

“พิเชษฐ์” ชิงปิดประชุมสภาฯ หลังถกวุ่นเสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 17 ก.ค.- “พิเชษฐ์” ทำแฮตทริก ชิงปิดประชุมสภาฯ หลัง “สส.ปชน.” เสนอนับองค์ประชุม ขณะที่ สส.เพื่อไทย ขอให้นับแบบขานชื่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ขณะรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 และรายงานการประเมินผลการใช้จ่ายเงินและทรัพย์สินประจำปีงบประมาณ 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีผู้อภิปรายไปเพียงคนเดียวคือนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ทำให้นายเฉลิมพงศ์ แสงดี สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นสมาชิกในห้องประชุมบางตาอยากจะเช็คความตั้งใจการทำงานของสส.ฝ่ายรัฐบาล จึงขอนับองค์ประชุม และมีผู้รับรองถูกต้องจากนั้นนายพิเชษฐ์ กดออดเรียกสมาชิกพร้อมกล่าวว่า “ไม่อยากอภิปรายแล้วหรือ” พร้อมทั้งขอให้วิปรัฐบาลแจ้งสส.ที่อยู่ในห้องประชุมอื่นเพื่อรีบเข้าห้องประชุมใหญ่ ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การขอนับองค์ประชุมและมีผู้รับรอง ถือเป็นสิ่งสวยงาม แต่หากมีคนเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ คงใช้เวลาถึงค่ำ ดังนั้น ขอร้องเพื่อนสมาชิก เดือนนี้ขออย่านับองค์ประชุมเลย แล้วไปนับองค์ประชุมเดือนหน้า […]

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]