รัฐสภา 1 ส.ค.-“เบญจา” สส.ก้าวไกล ตัดพ้ออาจได้อภิปรายในสภาครั้งสุดท้าย ตีโพยตีพาย เสียดายอยู่บนตำแหน่งทรงเกียรติ แต่ไม่สามารถสร้างสันติสุขได้ วอนขอรัฐช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หลัง “เศรษฐา” เลื่อนตอบกระทู้กรณี ปตท. ถูกโยงเอี่ยวซื้ออาวุธกองทัพทหารเมียนมา ด้าน “ไชยวัฒนา-วิสุทธิ์” ลุกเบรก บอกควรไปพูดในที่ลับ ติงระวังเรื่องต่างประเทศ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (1 ส.ค.) ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม พิจารณาวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจา นางสาวเบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามกรณีแผนการแก้ไขปัญหาความเชื่อมโยงของ ปตท. และ ปตท.สผ. ที่ดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ตอบ แต่นายพีรพันธุ์ และได้ขอเลื่อนการตอบกระทู้ออกไปด้วย
ทำให้นางสาวเบญจา ลุกขึ้นอภิปรายว่า ตั้งใจถามนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ที่รัฐบาลไทยเสนอตัวเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ท่ามกลางสถานการณ์สิทธิเสรีภาพการแสดงออกของไทยที่ยังตกต่ำ และยังอ้ำอึ้ง ลับๆ ล่อๆ ต่อสถานการณ์การก่ออาชญากรรมสงคราม และการเข่นฆ่าประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านของเรา
นางสาวเบญจากล่าวต่อไปว่า ไม่ได้แปลกใจ แต่ผิดหวังต่อท่าทีของนายกฯ ในกรณีนี้ เพราะนายกฯ เป็นผู้เดียวที่จะตัดสินใจต่อการดำเนินงานของ ปตท. และ ปตท.สผ. ซึ่งรัฐบาลถือหุ้นอยู่มากกว่าครึ่งหนึ่ง และถูกกล่าวหาว่ามีเอี่ยวในการสนับสนุนเงินทุนให้ทหารพม่า ซื้ออาวุธทำสงครามปราบปรามประชาชน ซึ่งสภาจะเป็นพื้นที่ให้นายกฯ ได้ชี้แจงต่อประชาชนและสังคมโลก
“เวลานี้องค์กรระหว่างประเทศและนานาชาติพยายามใช้มาตรการทุกวิถีทางเพื่อแสวงหาสันติภาพและประชาธิปไตยในเมียนมา ทั้งการประณาม คว่ำบาตร กดดัน แต่ประเทศไทยที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่สุดของเมียนมา ได้พยายามทำอะไรแล้วหรือยังในวันนี้ ซ้ำร้ายสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอาจเป็นการบั่นทอนสิ่งที่นานาชาติกำลังแก้ไขปัญหานี้” นางสาวเบญจากล่าว
นางสาวเบญจา ระบุต่อไปว่า กลไกสำคัญที่ทำให้ทหารเมียนมายังทำสงครามอยู่ได้ ไม่ใช่เพียงธนาคารพาณิชย์ไทยเท่านั้นที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเครื่องมือของกองทัพเมียนมา แต่ยังมีรัฐวิสาหกิจไทยที่รัฐบาลถือหุ้น อย่าง ปตท. และ ปตท.สผ. ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนกองทุนให้รัฐบาลทหารเมียนมา ผ่านการจ่ายเงินค่าก๊าซจากการลงทุนในโครงการที่ตั้งอยู่ในเมียนมา
“ดิฉันอยากฟังคำตอบจากท่านนายกฯ ว่าจะหยุดส่งเงินให้รัฐบาลทหารเมียนมาได้อย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้รายได้ทั้งหมดนี้รั่วไหลไปสู่คณะรัฐประหาร และกลายเป็นเครื่องมืออาวุธในการใช้เข่นฆ่าประชาชน” นางสาวเบญจากล่าว
นางสาวเบญจากล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลเองมีคดีอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ และจะมีการวินิจฉัยในวันที่ 7 ส.ค. 2567 แม้ตนเองจะเชื่อมั่นในข้อต่อสู้ของพรรค และจะไม่ถูกยุบพรรคตามที่ศาลรัฐธรรมนูญหรือสังคมตราไว้ แต่อย่างที่ประชาชนทราบกันดีว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในประเทศนี้ การอภิปรายครั้งนี้จึงอาจเป็นครั้งสุดท้ายในสภาก็เป็นได้
ทำให้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ลุกขึ้นขัดจังหวะประท้วงว่า คนตอบกระทู้ไม่ได้มา การพูดแบบนี้ทำให้คนฟังเข้าใจผิด และเรื่องนี้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากนั้นนายปดิพัทธ์ ได้ขอให้นางสาวเบญจาระมัดระวังเรื่องต่างประเทศ
ทำให้นางสาวเบญจา รับปากและกล่าวต่อไปว่า “จนถึงวินาทีนี้ ดิฉันไม่ได้เสียดายเลยที่อาจไม่ได้ทำหน้าที่ในสภาแห่งนี้ต่อไป แต่จะเสียดายอย่างมากที่ในวินาทีที่ดิฉันยังสามารถทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ แทนพี่น้องประชาชนได้อยู่ แต่ดิฉันไม่สามารถแสวงหาหนทางสร้างสันติสุขให้กับเพื่อนมนุษย์ได้ ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นความเป็นประชาธิปไตยให้ไทยและประเทศเพื่อนบ้านได้”
นางสาวเบญจาทิ้งท้ายว่า ในชีวิตของเรา จะมีโอกาสสักกี่ครั้งที่จะสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ ให้รอดจากความตายและฟื้นฟูประเทศ ตนคิดว่านี่คือโอกาสนั้น จึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรีโดยหวังว่าท่านจะรับฟังเสียงนั้น ปัญหาในเมียนมาเป็นเรื่องที่ไปไกลกว่าพรรคก้าวไกล แต่เป็นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมต่อมวลมนุษยชาติ จึงขอเรียกร้องต่อรัฐบาลไทย อย่าให้เงินทุกบาทของประชาชนไทยกลายเป็นเครื่องมือเข่นฆ่าประชาชนในประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร้มนุษยธรรม
ช่วงท้าย นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงอีกคน กล่าวว่า ขอให้สมาชิกระมัดระวังในการกล่าวถึงประเด็นที่พาดพิงต่างประเทศ หากจะพูดถึงเรื่องนี้จริงก็ควรเป็นการประชุมแบบลับ.-319.-สำนักข่าวไทย