“ปกรณ์วุฒิ” จี้ “เศรษฐา” ตอบกระทู้สัปดาห์นี้

รัฐสภา 9 ก.ค.-“ปกรณ์วุฒิ” ถามความพร้อมรัฐบาล ให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติมากแค่ไหน หลังจะรับร่างกฎหมายของ สส.ไปพิจารณาก่อน 60 วันทุกร่าง จี้ “เศรษฐา” ตอบกระทู้สัปดาห์นี้ ต้องถือเป็นโอกาสดี อย่าคิดว่าฝ่ายค้านหลอกด่า

นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์นี้ ว่า ในการพิจารณาวันที่ 10 กรกฎาคมนี้จะมีการพิจารณากฎหมายยกเลิกคำสั่งคสช. เกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ คิดว่าที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วและคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คงจะมีการรับ หลักการเห็นชอบตามที่กรรมาธิการพิจารณามา นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายของ ครม.อีก 1 ร่าง เกี่ยวกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ สส.เป็นผู้ยื่นเอง ตนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทุกร่าง ครม.น่าจะรับกลับไปพิจารณาก่อน 60 วัน แม้กระทั่งร่างของ สส.พรรคเพื่อไทย ดังนั้นขอตั้งคำถามว่า ที่ผ่านมามีการปิดสมัยประชุมหลายเดือน และทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาหลังเปิดสมัยประชุมมีอะไรบ้าง และเชื่อว่าไม่เกินความสามารถรัฐบาลที่จะรับทราบว่า ร่างกฎหมายฉบับไหนที่จะเข้าสภาเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ยังคงไม่มีความพร้อมในการเตรียมการใดๆ แต่ก็ไม่ได้ผิดข้อบังคับอะไรที่ครมจะรับร่างไปพิจารณาก่อน 60 วัน จึงขอทวงถาม ต่อการเตรียมความพร้อมกับการยึดโยงระหว่างฝ่ายบริหาร กับ ฝ่ายนิติบัญญัติอีกครั้ง ว่าให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติมากแค่ไหน


นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึงการตั้งกระทู้ถามในวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคมนี้ ว่า ตนได้แจ้งไปยังวิปรัฐบาลแล้ว ตั้งแต่เย็นวันจันทร์ ที่ 8 กรกฎาคม ว่า จะให้นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถามตรงไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเท่านั้น โดยเป็นการถามเกี่ยวกับมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้นายกฯ อาจจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มาตอบแทนได้ เพราะเข้าใจว่า จะถามเรื่อง ดิจิทัลวอลเล็ต แต่จริงๆ แล้ว มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่นั้น และเรายืนยันว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่มาตอบ เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ปัญหาปากท้องของประชาชน แต่จะพูดเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับปัญหาปากท้องของประชาชน เช่น ค่าไฟก็จะต้องเกี่ยวเนื่องกับกระทรวงพลังงาน และมาตรการอีกหลายๆ ด้าน ที่จะเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ซึ่งจำเป็นต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ เป็นหัวโต๊ะในการประชุม ครม.ชุดเล็ก ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ และนายกรัฐมนตรีเองก็เพิ่งพูดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ไม่ได้ตั้งใจจะหนี ถ้าว่างก็จะมา และครั้งนี้ท่านรู้อยู่แล้ว ว่าทุกวันพฤหัสบดีช่วงเช้า จะเป็นกระทู้สด ที่ ครม. จะต้องมาสแตนบาย แต่จริงๆ แล้วไม่ต้องสแตนบายด้วยซ้ำเพราะฝ่ายค้านแจ้งไปอย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันจันทร์แล้ว

ดังนั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีก็น่าจะสามารถเคลียร์ภารกิจ มาตอบกระทู้ได้และต้องดูว่านายกรัฐมนตรีจะทำอย่างที่สัญญาไว้หรือไม่ และหากสัปดาห์นี้ในนายกรัฐมนตรี ยังไม่มาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านอีก ก็ต้องตั้งคำถามว่า นายกฯ จะหลีกเลี่ยงและยื้อการตรวจสอบไปเรื่อยๆ หรือไม่ และตนไม่แน่ใจว่าการพิจารณา พ.ร.บ.งบกลางปี นายกรัฐมนตรีจะส่งใครมาเป็นผู้ชี้แจงในสภา ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เช่นเดิม ดังนั้นอยากให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงแถลงไขให้ประชาชนรับทราบ เพราะคิดว่าเป็นเวทีที่สำคัญและเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ ผ่านการถามคำถามจากสส. ซึ่งนายก รัฐมนตรีสามารถสะท้อนกลับมาได้ว่า ครม.กำลังทำอะไรอยู่


“นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่าคิดว่าเป็นเวทีที่ฝ่ายค้านจะมาฉวยโอกาสหลอกด่า ผมคิดว่าถ้านายกรัฐมนตรีทำงานอยู่ตลอดเวลา ก็มาชี้แจงได้อยู่แล้วว่าท่านทำอะไรไว้บ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่จะหลอกด่า เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าใน ครม. มีการทำอะไรกันบ้าง” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวถึง การเพิ่มวันประชุม ว่า ไม่เข้าใจว่าประธานวิปรัฐบาลไปฟังอันไหนมา ถึงบอกว่าฝ่ายค้านจะเพิ่มวันประชุม เป็น วันพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ ทั้งที่การเพิ่มวันศุกร์ เกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ซึ่งการประชุมในสมัยนี้ตนก็เสนอแล้ว โดยเป็นการพูดคุยกับวิปรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่8 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีญัตติ รวมถึงรายงานของคณะกรรมการ ค้างอยู่จำนวนมาก จึงคิดว่าอย่างน้อยๆ ต้องมีการประชุมเพิ่มสัก 1 ครั้งภายในเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าก็ได้ เพื่อที่จะให้สะสางวาระ ที่ค้างอยู่ให้สามารถเดินต่อไปได้

“ผมเสนออย่างนี้ แต่อาจจะไม่ใช่ข้อเสนอที่ต้องทำทันที เพราะเห็นว่ามีหลายประเทศเขามีการจัดการของเขา ที่ใช้วิธีประชุม 5 วันต่อสัปดาห์ แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ต่อ 1 เดือน สัปดาห์สุดท้ายให้สส.กลับพื้นที่ ซึ่งตนคิดว่าอาจจะเป็นทางออกก็ได้ ถ้าเราประชุมสัปดาห์ละ 3-4 วัน แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ ต่อ 1 เดือน ซึ่งกลายเป็นเดือนละ 12 วันจากเดิมมีเพียงแค่ 8 วัน ซึ่งจะทำให้สภาได้ประชุมเยอะกว่าเดิมและสส.มีเวลาลงพื้นที่ ยาวนานกว่าเดิม ตนเห็นว่าวิธีการมีหลายวิธีแต่เราต้องยอมรับว่าหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ควรต้องมาประชุมสภาเพราะญัตติต่างๆ ก็เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชน โดยตรงเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ การลงพื้นที่ก็มีความสำคัญ แต่ลงพื้นที่อย่างเดียว แล้วไม่ได้นำมาพูดคุยหรือใช้กลไกต่างๆ ในสภา เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา ให้กับประชาชนปัญหาเหล่านั้นก็ไม่ถูกแก้ไข ดังนั้นต้องจัดสรร ให้ดี ไม่ใช่ว่าเพิ่มเวลาประชุมไม่ได้เลยหรือเพิ่มมากจนเกินไป” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว.-315.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย