“พริษฐ์” จี้ กกต.เร่งประกาศรับรอง สว.200 คน

รัฐสภา 2 ก.ค. – “พริษฐ์” จี้ กกต. เร่งประกาศรับรอง สว. 200 คน ให้กลไกรัฐสภาเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญได้เร็วขึ้น มองข้อครหาคุณสมบัติ สว.ชุดใหม่ เพราะต้นเหตุมาจาก รธน.60


นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึง ว่าที่ สว.ชุดใหม่ 200 คน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของคุณสมบัติ เพราะเป็นผู้ที่จะมาพิจารณากลั่นกรองกฎหมายและเห็นชอบบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งในองค์กรองค์กรอิสระ ว่าทุกอย่างที่เห็นคือผลลัพธ์ของกติกาที่ถูกออกแบบในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อมาถึงขณะนี้จะทำอย่างไรให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งตรวจสอบข้อร้องเรียนให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด เพื่อที่จะรับรองผลการคัดเลือก สว.ชุดใหม่ โดยเร็ว ซึ่งก่อนที่จะเริ่มกระบวนการเลือก สว. ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ได้ชี้ไว้ให้เห็นว่ากฎหมายไม่ได้เขียนไว้ว่าจะต้องประกาศผลภายในกี่วัน ไม่เหมือนกับการเลือกตั้ง สส. โดยกฎหมายเขียนไว้แค่ว่าหลังจากการเลือกเสร็จให้รอไว้ 5 วัน ซึ่งถ้า กกต. เห็นว่าการเลือกเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมให้ประกาศรับรองผล

นายพริษฐ์ กล่าวว่า เพื่อประโยชน์ให้กลไกทางการเมืองเดินหน้าต่อไปได้ อยากให้ กกต. ตรวจสอบข้อร้องเรียนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประกาศรับรองผล เพื่อให้มี สว.ชุดใหม่ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งบทบาทของ สว. ส่วนสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงบทบาทในการรับรองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ และการพิจารณากฎหมายที่เป็นกฎหมายปฏิรูปที่จะต้องพิจารณาร่วมกัน


“คิดว่า กกต. ควรจะทำให้เร็วที่สุด ความจริงก่อนที่จะเริ่มคัดเลือก ตนพยายามให้ กกต. รับประกัน เพราะเห็นถึงช่องว่างทางกฎหมายตรงนี้ จึงอยากให้ออกมายืนยันว่าจะใช้เวลากี่วัน ซึ่งเท่าที่ได้ติดตามทาง กกต. ไม่เคยออกมายืนยัน เรื่องกรอบเวลา ในเมื่อเลยมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องย้ำว่าโดยเร็วที่สุด” นายพริษฐ์ กล่าว

นายพริษฐ์ กล่าวว่า วันพฤหัสบดีนี้ คณะกรรมาธิการพัฒนการเมืองจะเชิญ กกต. มาถอดบทเรียนและตอบข้อซักถามที่เกี่ยวกับการคัดเลือก สว.ชุดใหม่

ส่วนจากปัญหาและข้อร้องเรียนต่างๆ จะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง และ สว.ชุดปัจจุบัน ยังทำหน้าที่ต่อ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สุญญากาศจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นน้อยลง ถ้า กกต. เร่งประกาศผล แน่นอนว่าตนเองไม่ได้เห็นด้วยกับกติกาที่เกิดขึ้น แต่กติกาถูกกำหนดออกมาแบบนี้ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่ต้องพยายามทำให้การเปลี่ยนผ่านจาก สว.ชุดเก่ากับชุดใหม่ เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด


ส่วนมีความกังวลกับการทำหน้าที่ของ สว.ชุดใหม่ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามาจากการจัดตั้งของนักการเมืองบ้านใหญ่จังหวัดหนึ่ง จะมีความเป็นอิสระและเป็นกลางหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนตั้งข้อสังเกตถือเป็นผลลัพธ์จากการออกแบบกติกาครั้งนี้ ดังนั้น ควรมองไปข้างหน้าว่า สว.ชุดใหม่ จะมีความสำคัญในการกำหนดอนาคตการเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวาระการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ไม่ใช่การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาในที่ประชุมร่วมอย่างเดียว แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่ามาตราใดก็ตาม ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ได้เสียงเกิน 1 ใน 3 ของสมาชิกวุฒิสภา

ส่วนโอกาสผ่านรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ระหว่าง สว.ชุดเก่า กับ สว.ชุดใหม่ สว.ชุดไหนมีโอกาสมากกว่ากัน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ถ้า สว.ชุดเดิม ตนไม่ต้องวิเคราะห์ดูจากสถิติก็คงเห็น เพราะเราเคยเสนอเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไปเกือบ 30 ร่าง แต่ผ่านมาได้แค่ร่างเดียว คือเรื่องระบบเลือกตั้ง เราก็เห็นผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ของ สว.ชุดเก่า ในการพยายามที่จะปกป้องรัฐธรรมนูญ 60 แต่ในส่วนของ สว.ชุดใหม่ คงจะได้พิสูจน์กัน หากพรรคการเมืองได้มีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าไป ก็จะมองได้ 2 ประเภทคือ 1.ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในเวลานี้ทางประธานสภาฯ ก็ยังไม่บรรจุจนกว่าจะมีการจัดทำประชามติรอบแรก ซึ่งหากร่างได้ถูกบรรจุเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ข้อถกเถียงสำคัญคือที่มาขององค์ประกอบของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ซึ่งทั้งร่างของพรรคก้าวไกลและร่างพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า สสร. ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% แต่เป็นการยืนยันที่ไม่ได้มาจากฝั่งรัฐบาล แต่ถ้าหากมีหลายโมเดล สสร. เข้ามา บทบาทของ สว. จะมีความสำคัญมาก

ส่วนร่างประเภทที่ 2 คือร่างแก้ไขรายมาตรา เพราะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจจะต้องใช้เวลามากถึง 1-2 ปี ซึ่งอะไรที่เป็นปัญหาระหว่างทางสามารถแก้ไปก่อนได้ ก็อาจจะมีการขอแก้รายมาตราคู่ขนานกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่า สว.ชุดใหม่ จะมองเรื่องนี้อย่างไร

ส่วนคุณสมบัติของ สว.ชุดใหม่ ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมจำนวนมากว่าอาจจะทำหน้าที่ สว. อย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนผ่านกติกาที่ถูกออกแบบมาในวันรัฐธรรมนูญปี 60 หากไม่ได้พบการกระทำใดที่ติดขัดกับกฎหมาย และทุกคนก็เข้ามาด้วยวิธีการที่ถูกบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่ถ้ามีการดำเนินการใดๆ ของผู้สมัครที่ขัดต่อกฎหมาย กกต. ก็ต้องเร่งตรวจสอบและลงโทษตามกระบวนการ แต่ถ้าหากไม่มีใครทำอะไรที่ผิดกฎหมาย คนก็ผ่านกระบวนการเดียวกันมา แต่ถ้าหากเราคิดว่าจะต้องปรับเรื่องของกระบวนการได้มาให้เป็นการเลือกตั้งในวงกว้าง หรือจำเป็นจะต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ นี่ก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่เราจะสามารถพูดคุยกันได้ ซึ่งในมุมของก้าวไกลคนที่จะตัดสินว่าจะออกแบบวุฒิสภาอย่างไร หรือจำเป็นจะต้องมีวุฒิสภาหรือไม่ก็ควรจะเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง.-315

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

เร่งแกะรอยวงจรปิดเส้นทางหนีโจรชิงทอง 163 บาท

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ตำรวจเร่งแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายสวมชุดไรเดอร์บุกเดี่ยวชิงทอง ร้านทองกลางห้างดัง จ.สมุทรปราการ กวาดทองคำ 163 บาท มูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) ทีมสืบสวน สภ.บางบ่อ ประชุมชุดและไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางหลบหนี บนถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) มุ่งหน้า จ.ชลบุรี เน้นจุดเสี่ยงตลอดแนวถนนเทพรัตน รวมถึงเส้นทางรองที่เชื่อมต่อออกพื้นที่ โดยวางแนวทางสอบสวนที่จะนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ก่อเหตุ โดยเฉพาะประเด็นชุดไรเดอร์ที่สวมใส่ขณะก่อเหตุ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ได้เชิญพยานแวดล้อม พนักงานร้านทอง สอบปากคำอย่างละเอียด ขอเวลาตำรวจทำงาน พร้อมกำชับหากพบตัวคนร้ายให้ใช้ยุทธวิธีจากเบาไปหาหนักด้วยความรอบคอบ เนื่องจากคนร้ายมีอาวุธปืน.-สำนักข่าวไทย

กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด

ก.ต่างประเทศ 15 ส.ค.-กต.เชิญรัฐภาคีออตตาวาบรรยายสรุป เรียกร้องกัมพูชาร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด เผย 1 เดือน ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดแล้ว 5 ครั้ง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเป็นทุ่นใหม่ ไม่ใช่มรดกสงคราม ย้ำไทยมุ่งใช้กลไกทวิภาคี แก้ปมชายแดน จี้หยุดบิดเบือนเฟกนิวส์ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงหลังการบรรยายสรุปแก่คณะทูต องค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านทุ่นระเบิดว่า การบรรยายสรุปในวันนี้ (15 ส.ค.) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้พหารไทยหลายท่านได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดน และเพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยในเรื่องนี้ โดยได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าร่วม โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟัง 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ นายนิกรเดช กล่าวว่า นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้กล่าวเปิดผ่านวิดีโอคลิป เนื่องจากขณะนี้ท่านติดการกิจอยู่ระหวางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ที่เมืองอันหนิง ประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยทำหน้าที่ประธานการประชุมร่วมกับจีน หลังจากนั้นเป็นการบรรยายของนายรัศม์ […]