“วันนอร์” เล็งชงเปิดด่านชายแดน “ยะลา-เคดาห์”

มาเลเซีย 26 มิ.ย.- “วันนอร์” เผย สัมพันธ์มาเลฯ ชื่นมื่น “อันวาร์ อิบราฮิม” เตรียมพบ “เศรษฐา” จังหวัดชายแดนภาคใต้ เร็วๆ นี้ พร้อมเสนอเปิดด่านชายแดน “ยะลา-เคดาห์” อีกแห่ง หวังพัฒนาเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ที่ประเทศมาเลเซีย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร นำคณะสมาชิกรัฐสภาไทย เข้าเยี่ยมคาราวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ สำนักนายกรัฐมนตรี ปุตาจายา ขณะเดียวกันประธานรัฐสภา และยังได้เข้าหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเลเซีย ที่รัฐสภามาเลเซีย

โดยประธานรัฐสภา เปิดเผยภายหลังการหารือ ว่า การมาเยือนประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ได้รับการต้อนรับที่ดี ซึ่งจากที่ได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ถือเป็นการไปเยี่ยมคารวะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในฐานะที่เพื่อนเก่ากัน มีอะไรก็พูดกันแบบเพื่อนกัน โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียบอกว่า ท่านกลับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทยพบปะกันมาแล้ว 2 ครั้ง ที่ชายแดนไทย กับที่กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นประโยชน์มากทั้งเรื่องที่จะส่งเสริมการลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา โดยเฉพาะเรื่องสำคัญคือนายกรัฐมนตรีมาเลเซียบอกว่าจะช่วยร่วมกับรัฐบาลไทยในการที่จะสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนไทย


“โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย บอกว่า เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้าเพื่อนบ้านมีความสงบเรียบร้อยเราก็ได้ประโยชน์ด้วย ทั้งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีของไทยอีกครั้งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เร็วๆนี้ ซึ่งกำลังหาวันว่างตรงกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังบอกอีกว่าต้องการที่จะพบนายกรัฐมนตรีของไทยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่นด้วย เพราะเห็นว่าถ้าเราได้คุยกันทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า อันวาร์ อิบราฮิม ยังได้สอบถามตนว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง ซึ่งตนได้เรียนไปว่าเรื่องทั้งหมดคิดว่าท่านกับ นายกรัฐมนตรีของไทย ได้คุยกันหมดแล้วทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน และการสร้างความสงบเรียบร้อย แต่สิ่งที่ตนอยากเพิ่มเติมคือ และขอความกรุณาจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย 2 เรื่องคือ 1.คนไทยที่มาทำงานในมาเลเซียเฉพาะที่มีปัญหาคือมาทำงานเปิดร้านอาหารต้มยำกุ้ง เด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร จำนวนทั้งหมดประมาณ 1 แสนกว่าคน แต่ได้รับใบอนุญาต(วีซ่า)ทำงาน 1 หมื่นกว่าคนเท่านั้น ซึ่งถือว่า 10% อยู่อย่างถูกต้อง แต่อีก 90% ทำงานอย่างไม่ถูกต้อง หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็จะถูกจับ จึงใช้วีซ่าหลีกเลี่ยง คือวีซ่านักท่องเที่ยว 1 เดือนก็ต้องกลับไปทำวีซ่าใหม่ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลา ซึ่งตนคิดว่าคนเหล่านี้เข้ามาเพื่อทำงาน และการที่พวกเขามาทำงานในมาเลเซีย เพราะอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมเดียวกัน รวมทั้งอาหารไทยก็เป็นที่นิยมของคนมาเลเซีย จึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียช่วยดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ ว่าทำอย่างไรถึงจะอยู่มาเลเซียอย่างถูกต้อง

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า โดยนายกมาเลเซียบอกว่าเป็นเรื่องที่ดี และจะหาทางช่วยเหลือโดยจะพูดคุยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องการต่อวีซ่าทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่ตนได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซียในวันเดียวกัน จึงได้นำเรื่องที่พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาหารือ ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย บอกว่าจะหาทางช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่ทำงานในมาเลเซีย ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนไทยที่เดือดร้อน กว่าแสนคน โดยตนได้บอกไปว่า ประเทศไทยก็ต้องรับภาระคนคนงานต่างชาติเหมือนกัน ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา ที่อยู่ในประเทศไทย ประมาณ 3 ล้านกว่าคน มากกว่าคนไทยไปอยู่มาเลเซีย เราก็จำเป็นต้องอนุญาตให้อยู่ให้วีซ่าสำหรับคนทำงานเก็บค่าวีซ่าไม่แพง เพื่อเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบและดูแลความมั่นคงได้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซียก็รับปาก ที่จะดูแลช่วยเหลือดูโดยจะเรียกหน่วยงานต่างๆมาหาหนทางแก้ไข


ประธานรัฐสภา กล่าวต่อว่า จากการหารือเกี่ยวกับการเปิดด่านชายแดนเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จังหวัดยะลากับรัฐเคดาห์จากเดิมที่มีอยู่หลายแห่ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ของทั้ง2 ประเทศ ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียก็จะให้เจ้าหน้าที่มาคุยร่วมกัน ว่าจะเปิดด่านได้เมื่อไหร่

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวต่อว่า จากที่ตนเดินทางมาเลเซียในครั้งนี้ ได้รับความสนใจ จากพรรคการเมืองต่างๆในมาเลเซียอย่างดี ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของมาเลเซีย ที่เข้ามาขอหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเกษตรของทั้ง 2 ประเทศ เพราะเราต้องการน้ำมันปาล์มจากเขา ส่วนมาเลเซียก็ต้องการพืชผลทางการเกษตรจากเรา รวมถึงต้องการเทคโนโลยีด้านการเพาะปลูกด้วย

ประธานรัฐสภา ยังได้ย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยกับมาเลเซีย ว่า เนื่องจากมาเลเซีย เป็นประเทศที่ไม่มีข้อพิพาท และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียค่อนข้างดี และทั้ง2ประเทศร่วมกันก่อตั้งอาเซียนมาด้วยกัน รวมทั้งตอนที่มาเลเซีย เผชิญปัญหาลัทธิคอมมิวนิสต์ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือจนเกิดความสงบได้ ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนก็มีความใกล้ชิด เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย มาเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก และหวังว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ในช่วงบ่ายนายวันมูหะมัดนอร์ ได้เข้าเฝ้า ฯ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลละฮ์ ยังดีเปอร์ตวน อากง พระองค์ที่ 16 ของมาเลเซีย.312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ทุ่นระเบิดใหม่ตอกย้ำกัมพูชาละเมิดกติกาสากล

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – วันนี้ รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ลงพื้นที่ดูปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บนภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมเรียกร้องให้ตัดงบช่วยเหลือกัมพูชา หลังใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ผู้บริจาค ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันเป็นทุ่นระเบิดใหม่ที่เพิ่งพบช่วงเหตุปะทะล่าสุด.-สำนักข่าวไทย

ผลถก RBC กัมพูชาเมินกู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์

ตราด 16 ส.ค. – กัมพูชายังไม่ให้ความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิด หลังฝ่ายไทยผลักดันในเวที “RBC ไทย-กัมพูชา” พื้นที่ชายแดนจันทบุรี-ตราด พร้อมการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ แขวนไว้หารือในการประชุมครั้งต่อไป พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ (16 สิงหาคม 2568) พลเรือโท อภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด และพลตรี อุย เฮียง ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 3 ของกองทัพบกกัมพูชา ตลอดจนคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคของทั้งสองฝ่าย จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (Regional Border Committee) หรือ RBC ณ ประเทศไทย ที่บ้านทะเลภูรีสอร์ท อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เพื่อร่วมกันหารือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศด้วยสันติวิธี โดยได้ลงนามใน “บันทึกความตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ราชอาณาจักรไทย กับภูมิภาคที่ 3 […]

วัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะแจงดำเนินคดีอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท

กทม. 16 ส.ค.-ไวยาวัจกรฝ่ายกฎหมายวัดเครือวัลย์ ตั้งโต๊ะชี้แจงการดำเนินคดีกับอดีตไวยาวัจกร ยักยอกเงินวัด 56 ล้านบาท ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง 10 ปี พบปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาส 240 ครั้ง ด้านเจ้าอาวาสยอมรับเสียใจ ผิดหวังที่ไว้ใจคนใกล้ตัว ไวยาวัจกรวัดฝ่ายกฎหมาย ตั้งโต๊ะชี้แจง กรณีที่มีบุคคลภายในวัดปลอมลายมือชื่อเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์วรวิหาร ไปถอนเงินออกจากบัญชีวัดกว่า 240 ครั้ง ยักยอกเงินกว่า 56 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ปี 67 ที่ผ่านมา ในส่วนการดำเนินการขณะนี้แบ่งเป็น 3 คดี คดีแรก พบการกระทำความผิดคือเมื่อเดือนเมษายน 2567 ทางวัดได้รับบริจาคจากกองทัพเรือเป็นแคชเชียร์เช็ค 1.5 ล้านบาท ลงวันที่ 10 เมษายน 2567 โดยในแคชเชียร์เช็คระบุว่ามอบให้ทางวัด จึงต้องเอาเข้าบัญชีวัด ทางเจ้าอาวาสจึงมีการมอบให้นายกฤษณ์ ที่เป็นไวยาวัจกรวัดในตอนนั้น เอาแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปขึ้นเงินและเอาเข้ายังบัญชีของวัด ต่อมาทางเจ้าอาวาสได้ทวงถามไปยังนายกฤษณ์ เพราะในขณะนั้นจำเป็นจะต้องบูรณะศาสนสถาน แต่นายกฤษณ์ อ้างว่าไม่ว่าง และได้มอบหมายให้นายชัยณรงค์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยไวยาวัจกรในตอนนั้นนำเงินไปเข้าธนาคาร ทางเจ้าอาวาสเลยมีการติดต่อไปยังนายชัยณรงค์ เพื่อทวงถามเรื่องเงิน แต่ก็บ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด […]

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย